ทำเอา “นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน” ถึงกับควันออกหู
กรณีการปราบปรามการนำเข้า “หมูเถื่อน” จากต่างประเทศที่ทะลักเข้ามาถล่มตลาดหมูชำแหละในเมืองไทยจนย่อยยับ เกษตรกรกรผู้เลี้ยงหมูต้องล้มหายตายจากกันเป็นเบือ ไม่สามารถต้านทานหมูเถื่อนจากต่างประเทศได้ ซ้ำเติมอุตสาหกรรมหมูในประเทศที่เพิ่งเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจ และวิกฤติไวรัสโรคระบาดในหมูครั้งใหญ่มาหมาดๆ
โดยนายกฯ ได้เรียกอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อธิบดีกรมปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหานี้ หลังจากที่เคยเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตั้งแต่ 2 เดือนก่อนมาแล้ว พร้อมแสดงความไม่พอใจต่อการแก้ปัญหาและปราบปรามหมูเถื่อนที่เป็นไปด้วยความล่าช้า
แม้ก่อนหน้านี้ กรมศุลกากรจะตรวจยึดหมูเถื่อนจากต่างประเทศได้ถึง 161 ตู้ ปริมาณกว่า 4 ล้านกิโล ที่ท่าเรือแหลมฉบัง โดยมีบริษัทที่นำเข้าโยงใยอยู่ถึง 10 ราย ก่อนขยายผลตรวจยึดซากหมูแช่ชำแหละแช่แข็งตามห้องเย็นต่าง ๆ อีกไม่รู้กี่หมื่น กี่แสนกิโล ทั้งยังรู้ด้วยว่า ขบวนการนำเข้าหมูเถื่อนตลอดจนห้องเย็นที่ร่วมอยู่ในขบวนการเหล่านี้มีใครบ้าง แถมยังตรวจพบข้อมูลการนำเข้าซากสัตว์และหมูชำแหละจากต่างประเทศในช่วงปี 2563-66 นี้กว่า 2,300 ตู้ ไม่รู้กี่แสน กี่ล้านตัวไปแล้ว
แต่กลับไม่สามารถสาวไปถึงตัวการใหญ่ของขบวนการนำเข้าหมูเถื่อนนี้ได้ (แม้ว่า จะมีข่าวล่าสุดตำรวจรวบตัวสองพ่อลูกนายทุนหมูเถื่อนคาสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อ 13 พ.ย.66 ก็เป็นเหตุการณ์หลังนายกฯ ฟิวส์ขาดเรื่องหมูเถื่อนอยู่ดี) ราวกับว่า หมูเถื่อนเหล่านี้ลักลอบนำเข้ามาตามแนวตะเข็บชายแดนแบบกองทัพมด ทั้งที่มีการสั่งนำเข้ามากันเป็นลำเรือ เป็นตู้คอนเทนเนอร์ ก่อนกระจายไปยังห้องเย็นต่างๆ อีกทอด ของเถื่อนวิ่งกันเกลื่อนเมืองซะขนาดนี้ ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว
จะไม่ให้นายกฯ ฟิวส์ขาดได้ยังไง! ก็คงเพราะเหตุนี้เก้าอี้อธิบดีกรมปศุสัตว์ กรมการค้าภายใน และดีเอสไอ อีกหลายต่อหลายหน่วยงานต่างสั่นคลอนกันระนาว หากปัญหาหมูเถื่อนยังเกลื่อนเมืองให้เห็น !
จากหมูเถื่อนมาถึงบุหรี่เถื่อน เกลื่อนเมืองนี้ก็เช่นกัน นัยว่านับตั้งแต่กระทรวงการคลังดำเนินการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบไปเมื่อ 2 ปีก่อน โดยปรับขึ้นภาษียาสูบไปสูงลิบลิ่ว จนทำเอาโรงงานยาสูบหรือการยาสูบแห่งประเทศไทยตายทั้งเป็น รายได้จากการผูกขาดขายบุหรี่ในประเทศก่อนหน้าปีละนับหมื่นล้านลดวูบ
โดยสถานการณ์บุหรี่ผิดกฎหมายหรือบุหรี่เถื่อนในประเทศไทย ล่าสุดในไตรมาส 2 ของปีนี้เติบโตขึ้นจากร้อยละ 15.5 ของการบริโภคบุหรี่ทั้งหมดในไตรมาส 4 ของปี 2565 เป็นร้อยละ 22.3 คิดเป็นอัตราเติบโตสูงถึงร้อยละ 44 และเมื่อเทียบกับช่วงก่อนการปรับอัตราภาษียาสูบในเดือน ต.ค. 2564 เมื่อ2 ปีก่อนพบว่า สัดส่วนบุหรี่ผิดกฎหมายบุหรี่เถื่อนเหล่านี้ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 260 จากปี 2563 ที่มีสัดส่วนเพียงร้อยละ 6.2 ของการบริโภคบุหรี่ทั้งหมด
โดยสัดส่วนบุหรี่ผิดกฎหมาย หรือ ”บุหรี่เถื่อน” ในเมืองไทยนั้น พบว่า ส่วนใหญ่เป็นบุหรี่ลักลอบหนีภาษีถึงร้อยละ 21.2 หรือสูงกว่าร้อยละ 95 ของบุหรี่ผิดกฎหมายทั้งหมด โดยบุหรี่ที่มีการลักลอบนำเข้ามามากที่สุดประกอบด้วยยี่ห้อ John , Texas 5 และ Gold Mount ที่เหลือเป็นบุหรี่ปลอมเครื่องหมายการค้า มีสัดส่วนราว 5%
จากข้อมูลเชิงลึกที่มีการตรวจสอบบุหรี่เถื่อน บุหรี่หนีภาษีทั้งหลายที่ทะลักเข้าสู่ประเทศไทย พบว่า พื้นที่ที่พบบุหรี่หนีภาษีมากที่สุดนั้นอยู่ในภาคใต้ โดย 5 จังหวัดที่พบการเติบโตของบุหรี่เถื่อนมากที่สุดนั้น ประกอบด้วย สตูล พัทลุง สงขลา นครศรีธรรมราช และจังหวัดภูเก็ต โดยมีสัดส่วนบุหรี่เถื่อนสะพัดอยู่ในจังหวัดเหล่านี้กว่าร้อยละ 60
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการนั้น ก็มีการขยายตัวของบุหรี่ผิดกฎหมายหรือบุหรี่เถื่อนในระดับที่สูงมาก โดยเฉพาะจังหวัดนนทบุรีที่มีการบริโภคบุหรี่หนีภาษีสูงถึงร้อยละ 55.6 เรียกได้ว่าครึ่งต่อครึ่งของบุหรี่ที่สูบอยู่นั้นเป็นบุหรี่เถื่อนหรือบุหรีผิดกฎหมาย
ผลกระทบจากการทะลักล้นของบุหรี่ผิดกฎหมายหรือบุหรี่เถื่อน ได้ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อระบบเศรษฐกิจในปี 2566 นี้ คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 25,000 ล้านบาท เฉพาะรายได้จากภาษีสรรพสามิตที่หดหายไปในปี 2566 นี้ คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท และกระทบต่อการดำเนินงานของการยาสูบหรือโรงงานยาสูบอย่างหนัก โดยคาดว่า ทำให้รายได้ของโรงงานยาสูบหดหายไปไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท
นี่แค่น้ำจิ้ม บรรดาของเถื่อนที่ทะลักเข้ามายังประเทศไทยโดยเฉพาะในส่วนของสินค้าเกษตรและผักผลไม้นั้น ยังมีมากกว่านี้เสียอีก เอาเป็นว่าขนาด “หมอเถื่อน” วันนี้อย่างกรณีอาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต ยังหาญกล้าท้าชน “หมอชลน่าน” ก็แล้วกัน
ไหน ๆ นายกฯ ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องของการปราบปรามของเถื่อนอย่างถึงพริกถึงขิงแล้ว ก็น่าจะปูพรมจัดการเรื่องที่ถูกซุกใต้พรมมานานเหล่านี้เสียให้สิ้นซาก เกษตรกรชาวสวน ชาวไร่ จะได้เทใจให้รัฐบาลชุดนี้ได้เต็มสตรีมเสียที