การผนึกพลังของทุกภาคส่วนในไทย ย่อมสร้างโอกาสและแต้มต่ออย่างมหาศาล ยิ่งได้แรงเสริมจากพลัง “ซอฟท์ พาวเวอร์” ในแบบ “ไทยสไตล์” โอกาสที่ภาครัฐและเอกชนของไทย จะฝันให้ใหญ่ ฝันให้ไกล แล้วไปให้ถึง ก็ย่อมจะสูง! บรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้สัมผัสกับปรากฏการณ์ “ส่งต่อข้ามปี” กับซูเปอร์ บิ๊กอีเว้นท์ Amazing Thailand Countdown 2024 ทั่วไทย จึงเป็นอะไรที่โลกต้องจดจำ! ชนิดฝังใจ...และต้องมาเยือนเมืองไทยให้ได้สักครั้งในชีวิตนี้
………………………
ฝันให้ไกล...แล้วไปให้ถึง! ขนาด “ของสูงสุดๆ” อย่างการส่งดาวเทียม ‘THEOS-2’ ที่คนไทยผลิตขึ้นมาเอง ออกสู่ชั้นบรรยากาศเพื่อทำการสำรวจโลก... ทางการไทยยังทำมาแล้ว ประสาอะไรกับการจะผลักดัน ซอฟท์ พาวเวอร์ ของไทยออกไปสู่ตลาดโลก
สิ่งนี้...คงไม่คณามือ “รัฐบาลไทย” เป็นแน่!
ยิ่งประเทศไทยมีข้อได้เปรียบมากมาย...ทั้งจากที่ตั้งภูมิศาสตร์ในจุด “ศูนย์กลาง” ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ไป-มาสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ราคาเหมาะสม..
สภาพอากาศที่ร้อนชื้น ทำให้สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติมีความหลากหลาย ป่าไม้จึงเขียวขจี สรรพสัตว์จึงมากมาย ท้องทะเลสวยใส อากาศสดชื่นเย็นสบาย...ถึงแม้บางอากาศจะร้อนไปสักหน่อย แต่ก็มีสายฝนโปรยปรายให้เย็นฉ่ำตลอดทั้งปี
ข้าวปลาอาหาร พืชผักผลไม้ ต่างก็มีให้เลือกสรร หากินกันได้ในทุกฤดูของทุกๆ ปี สอดประสานกับพฤติกรรม “กินอาหารนอกบ้าน” ของคนไทย ยิ่งทำให้ “สตรีทฟู้ด” บนแผ่นดินทองแห่งนี้ คลาคล่ำให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ได้เดินชิม “อาหารไทย” ที่มีมากมายหลากหลาย...กันจนเมื่อยปาก
ไหนจะ...วัฒนธรรมและประเพณีอันดีงาม ที่สะท้อนภาพความเป็นไทย ได้อย่างมี อัตลักษณ์ที่โดดเด่น เห็นปุ๊บ...รู้ปั๊บ! สไตล์ไทยๆ ชัวร์! ไม่ว่าจะเป็น...ประเพณีสงกรานต์ ลอยกระทง ลอยโคมไฟ (ยี่เปง) ทำบุญเข้าพรรษา ประเพณีแข่งเรือ สารพัด....
ยังมี เครื่องแต่งกายชุดไทยพระราชทาน ที่ไม่ว่าจะเป็นใคร “ไทยหรือเทศ” แต่งเมื่อใด? ก็สวยหล่อเมื่อนั้น ยิ่งหากแบ็กกราวด์เป็น...สถาปัตยกรรมไทยๆ ไม่ว่าจะเป็น “วัดหรือวัง” ล้วนผสมกลืนจนทำให้ผู้สวมใส่ ดูงามสง่า
นี่ยังไม่รวม กลุ่มกีฬา...ที่คนไทย ได้สร้างชื่อเสียงเอาไว้ในเวทีโลก จนชาวต่างชาติมากมาย ต้องเดินทางมาสัมผัสกับวัฒนธรรมความเป็นไทย ผ่านกีฬาเหล่านี้ โดยเฉพาะ...มวยไทย ที่กลายพื้นฐานสำคัญของนักสู้ในทุกสไตล์ ที่จะต้องฝึกปรือไว้ สำหรับการยืนสู้
และที่กำลังกลายเป็น “ไวรัล” ไปทั่วโลก กับกีฬาชนิดใหม่ “เทคบอล” ที่นักกีฬาไทยสามารถจะ “แอพพลาย” โดยนำเอากีฬาเซปักตระก้อ มาเป็นพื้นฐานแข่งขัน จนคว้า “แชมป์โลก” กีฬาเทคบอลในหลายๆ ประเภท (ทีมเดี่ยว, ทีมคู่ และคู่ผสม) ทั้งที่เพิ่งหัดเล่นกีฬาชนิดนี้ และเพิ่งส่งลงแข่งขั้นแค่เพียง 2 ปีเท่านั้น
จึงไม่น่าแปลกใจ หากนักกีฬาต่างชาติ ทั้ง...ในประเภทของกีฬาต่อสู้ (มวยไทย) และเทคบอล จะบินข้ามน้ำข้ามทะเล เพื่อมาฝึกฝีมือกับอาจารย์ผู้สอนกีฬาต้นแบบเหล่านั้น ในประเทศไทย
และภาพเหล่านี้...ก็ได้ถูกส่งต่อออกไปในวงกว้าง ผ่านโลกออนไลน์ ช่วยโปรโมททุกอย่างที่เป็น “ไทยสไตล์” ได้อย่างกว้างไกลไปทั่วโลก โดยรัฐบาลไทยไม่ต้องควักจ่ายเงินสักสตางค์แดงเดียว และนี่คืออิทธิพลของ “โซเชียลมีเดีย” ในทุกวันนี้...
ทั้งหลายทั้งปวง...กับทุก “องคาพยพ” ในความเป็นไทยนั้น ได้สร้างโอกาสและแต้มต่ออย่างมากมาย ให้กับธุรกิจไทยในเวทีโลก โดยเฉพาะธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและการบริการ โดยหลังสิ้นสุด วิกฤตโควิด-19 ราวกลางปี 2565 ทั้งโลกจึงได้เห็นภาพของนักท่องเที่ยวต่างชาติ แห่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ชนิดแน่นสนามบิน แม้กระทั่งในยามราตรี...
การท่องเที่ยวและภาคบริการที่เกี่ยวเนื่องกันนี้ ได้กลายเป็น “ความหวัง” ในการจะฟื้นคืนเศรษฐกิจของประเทศ ให้กลับมาอู้ฟู่! กันอีกครั้ง หรืออย่างน้อย...ก็พอจะช่วยบรรเทาอาการ “หดตัว” ของจีดีพีได้บ้าง
ปี 2566 นี้ ถือว่า...การท่องเที่ยวของไทย พอจะได้ลืมตาอ้าปากแล้ว ตัวเลขนักท่องเที่ยวทั้งปีที่คาดว่าจะมีสูงถึง 22-25 ล้านคน กับเม็ดเงินรายได้ไม่ต่ำกว่า 2 ล้านล้านบาท
ลองมาฟัง “โฆษกรัฐบาล” นายชัย วัชรงค์ พูดถึงเรื่องนี้ โดยเขาเพิ่งแถลงเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ว่า... พบสถิตินักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมายังประเทศไทยสะสม 10 เดือนของปี 2566 (1 มกราคม – 29 ตุลาคม มีมากถึง 22,064,968 คน โดยนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียเดินทางเข้าไทยมากที่สุด รองลงมา ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ อินเดีย เเละรัสเซีย ตามลำดับ
รัฐบาล ตั้งเป้าว่า...ภายในสิ้นปีนี้ อาจได้นักท่องเที่ยวต่างชาติแตะถึงระดับ 28 ล้านคน คาดหมายรายได้ทั้งปี สูงกว่า 2.1 ล้านล้านบาท
“โฆษกรัฐบาล” หวังไกลจริงๆ!!!
ไม่เพียงแค่นั้น...กับเป้าหมายในปีหน้า 2567 แล้ว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยังคงคาดหวังจะได้เห็น จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้าประเทศไทยให้ได้มากถึง 30 ล้านคน กับประมาณการรายได้จากการท่องเที่ยวที่อาจแตะถึงระดับ 3 ล้านล้านบาท
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งของการ “ฝันให้ไกล...” ของภาครัฐ
“สำนักข่าวเนตรทิพย์” เกาะติดเรื่องเหล่านี้มาพอสมควร ก็ขอบอกว่า...มีโอกาสที่ภาครัฐของไทย “ฝันไกล...ไปถึง” ด้วยเหตุที่...ไม่ได้ฝันเปล่าๆ แต่ยังมีการวางแผนและลงมือทำกันอย่างเป็นระบบ มีแผนยุทธศาสตร์ และมีกลยุทธ์การดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม
มีการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ กำหนดแผนงานและโครงการสำคัญ โดยเฉพาะ...โครงการที่เกี่ยวข้องกับ “ซอฟท์ พาวเวอร์” ของไทย เข้ากับวาระต่างๆ ที่จะมีตลอดทั้งปีนี้และปีหน้า...
ล่าสุด กับแนวคิดของ ททท. กับการจะส่งต่อ ซูเปอร์ บิ๊กอีเว่นท์ ในห้วงเวลาของการ “ส่งท้ายปีเก่า (2566) ต้อนรับปีใหม่ (2567)” กับแผนงานที่ชื่อว่า... ‘Amazing Thailand Countdown 2024’ โปรเจคต์นี้...ททท.ได้นำเอากิจกรรมที่จะสร้างความสุขมา “มัดรวมกัน” ไว้ในประเทศไทย
นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. บอกว่า แผนการจัดงาน “Amazing Thailand Countdown 2024” ประเทศไทย ถือเป็นบิ๊กอีเวนต์สำคัญภายใต้โครงการ Thailand Winter Festivals ของรัฐบาล เพื่อเพิ่มแรงส่งกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงปลายปี 2566 ทั้งสอดคล้องกับนโยบาย Soft Power ที่จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กรุงเทพมหานคร เป็นแลนด์มาร์กและ Global Countdown Destination จุดเคาท์ดาวน์ระดับโลกที่นักท่องเที่ยวต้องนึกถึงและมาเยือนอย่างต่อเนื่อง
พร้อมทั้งคาดการณ์ว่า...เฉพาะห้วงเวลาส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ นี้...จะสร้างเม็ดเงินให้ประเทศไทย ได้เฉียด 5 หมื่นล้านบาท เลยทีเดียว
ที่สำคัญโครงการนี้ ยังเสมือนเป็นการ “ส่งต่อ” การจัดอีเว้นท์ใหญ่ๆ ในหัวเมืองสำคัญๆ ทั่วทุกภาคของประเทศ ตลอดทั้งปี ดังนั้น โอกาสที่การจะ “ฝันใหญ่...ฝันไกล” ของภาครัฐ ก็ไม่ได้ไกลจนเกินความหวังสักเท่าใด?
อย่างน้อย...ห้วงก่อนถึงห้วงแห่งวัน Countdown 2024 นั้น ทั้งภาครัฐและเอกชนไทยเอง ก็ไม่ได้นิ่งอยู่เฉยๆ รอให้โชคลาภวาสนามา “ปะทะ” ประเทศไทย แต่อย่างใด? ทุกฝ่ายต่างจัดเตรียมความพร้อม ทั้งในเรื่องของสถานที่ กิจกรรมที่จะทำ รวมถึงแผนการต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองเหล่านั้นได้ในระดับมาตรฐานโลก
ในส่วนของธุรกิจในภาคการเงินของไทย โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์อันดับใหญ่ต้นๆ ของประเทศ “TOP 5” ต่างก็เตรียมความพร้อมรองรับการใช้จ่ายของคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติในประเทศไทย กันไปแล้ว...
ลองมาสำรวจกันดู เริ่มจาก... ธนาคารกรุงไทย ที่ปลายปี 2566 นี้ ได้จัดเตรียมเงินสดเอาไว้ราว 38,615 ล้านบาท แบ่งเป็นการสำรองในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 6,740 ล้านบาท และเขตภูมิภาค จำนวน 31,875 ล้านบาท โดยสำรองสำหรับสาขาและจุดบริการทั่วประเทศ จำนวน 6,445 ล้านบาท และสำรองสำหรับเครื่อง ATM จำนวน 32,170 ล้านบาท
ธนาคารไทยพาณิชย์ สำรองเงินจำนวน 37,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 5% เนื่องจากการบริโภคของประชาชนที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องและนโยบายของภาครัฐทั้งในเรื่องการอัดฉีดเม็ดเงินให้กับภาคเกษตรกร การส่งเสริมให้ประชาชนท่องเที่ยวภายในประเทศและการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากขึ้น โดยเงินสำรองแบ่งเป็นในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 17,500 ล้านบาท และในเขตภูมิภาค 20,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการสำรองธนบัตรผ่านตู้เอทีเอ็ม จำนวน 30,600 ล้านบาท และสาขา จำนวน 6,900 ล้านบาท
ธนาคารกรุงเทพ สำรองเงินสดช่วงเทศกาลปีใหม่ 50,000 ล้านบาท ผ่านตู้เอทีเอ็มที่รองรับการให้บริการกว่า 8,000 จุดทั่วประเทศ รวมทั้งสาขาไมโครในห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศกว่า 200 แห่ง พร้อมเพิ่มความสะดวกผ่านช่องทางธนาคารตัวแทน (Banking Agent) อีกกว่า 200,000 จุดทั่วประเทศ ที่ยังคงเปิดให้บริการ ฝาก-ถอนเงินสด ได้ตามปกติไม่มีวันหยุด
ธนาคารกสิกรไทย เตรียมสำรองเงินสดสำหรับให้บริการในสาขาและเครื่องเอทีเอ็ม เพื่อรองรับการใช้จ่ายช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2566 – 1 มกราคม 2567 รวมทั้งสิ้น 34,300 ล้านบาท แบ่งเป็นการสำรองเงินสดผ่านช่องทางสาขา จำนวน 7,800 ล้านบาท โดยเป็นเงินสำรองสำหรับสาขาในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 3,500 ล้านบาท และสาขาในเขตภูมิภาคจำนวน 4,300 ล้านบาท ทั้งนี้ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมี 813 สาขาทั่วประเทศ
สำหรับการสำรองเงินสดเพื่อเครื่องเอทีเอ็ม (K-ATM) ที่มีอยู่จำนวนกว่า 9,100 เครื่องทั่วประเทศ เป็นจำนวนทั้งสิ้น 26,500 ล้านบาท แบ่งเป็นการสำรองเพื่อบรรจุเครื่องเอทีเอ็มในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 10,300 ล้านบาท และเอทีเอ็มในเขตภูมิภาคจำนวน 16,200 ล้านบาท
และ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ได้เตรียมสำรองเงินสดจำนวน 11,028 ล้านบาท เพื่อรองรับการเบิกถอนเงินของลูกค้าและประชาชนทั่วไปผ่านเครื่องกรุงศรี เอทีเอ็ม และสาขาของธนาคารทั่วประเทศ ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2566 - 2 มกราคม 2567 ทั้งนี้ แบ่งเป็นเงินสดสำรองสำหรับบริการผ่านเครื่องกรุงศรี เอทีเอ็ม จำนวน 7,830 ล้านบาท และช่องทางสาขาของธนาคารจำนวน 3,198 ล้านบาท โดยปัจจุบันธนาคารมีสาขาจำนวน 552 สาขา และเครื่องกรุงศรี เอทีเอ็ม จำนวน 5,608 เครื่องทั่วประเทศ
ในเมื่อทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงเจ้าของกิจการร้านค้า และประชาชนคนไทย ในฐานะ “เจ้าของบ้าน” เตรียมการต้อนรับ “แขกบ้านแขกเมือง” (นักท่องเที่ยวต่างชาติ) กันดีเยี่ยมเสียขนาดนี้!
โอกาสจะ “ฝันใหญ่...ฝันไกล และไปถึง” ก็ย่อมจะมีสูง! ที่สำคัญ... สิ่งที่ทุกฝ่ายในประเทศไทย ร่วมแรงร่วมใจทำกันไว้ในรอบนี้ มันจะกลายเป็น “พลังสำคัญ” ที่พร้อมจะส่งต่อไปยังนักท่องเที่ยวต่างชาติคนอื่นๆ ได้คนึงถึงประเทศไทย เมื่อต้องการจะเดินทางมาท่องเที่ยวในต่างแดน!!!