ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 67 นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมการค้าภายในได้รับมอบหมายจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ลงพื้นที่ติดตามการรับซื้อสับปะรดภูแลในพื้นที่แหล่งผลิตสำคัญที่ จ.เชียงราย โดยกรมได้ทำสัญญาตกลงรับซื้อจากเกษตรกรทั้งสิ้น 16,500 ตัน ซึ่งมีการรับซื้อไปก่อนหน้านี้ ประมาณ 5,800 ตัน ระยะปลายปีต่อต้นปีถือว่าเป็นล็อตสุดท้ายแล้ว และจะมีผลิตออกสู่ท้องตลาดอีกครั้งประมาณช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย. วันนี้จึงได้นำผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็น โรงงานแปรรูป ส่งออก ห้างค้าส่ง ค้าปลีก (CP Axtra, Makro, Lotus, Big C, Tops, The Mall) มาเพื่อดูดซับผลผลิตออกไปสู่ตลาด และยังจะมีห้างท้องถิ่นและรถโมบายนำสินค้าไปกระจายยังแหล่งชุมชน ทั้งนี้ขอขอบคุณผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมัน (PT, PPT OR, Bangchak, Shell) ที่เข้ามาช่วยรับซื้อผลผลิตในล็อตต่อไปอีกด้วย
นายวัฒนศักย์ กล่าวต่อว่า วันนี้ได้มีการพูดคุยกับเกษตรกรแล้วให้มีการเตรียมพร้อม และมีการเชื่อมโยงผลผลิตแต่ละกลุ่มเกษตรกรกับแต่ละผู้ประกอบการ ซึ่งตอนนี้ MOU ได้มีการเดินหน้าไปแล้ว 5,800 ตัน จะมีการดำเนินการอีกประมาณ 6,700 ตัน วันนี้มีการรับมอบตาม MOU ส่วนหนึ่งจะไปที่โรงงานแปรรูป ส่วนหนึ่งไปที่รถโมบาย จ.เชียงรายเป็นพื้นที่ผลผลิตใหญ่และปีนี้ผลผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 8%
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้การทำ MOU เป็นการดึงผลผลิตออกจะแหล่งผลิตไปสู่ตลาด ถ้ามีความจำเป็น บริหารจัดการไม่ทัน ก็จะมีกลไกพิเศษสำรอง คือการนำสับปะรดไปแปรรูปเป็นน้ำผลไม้ ตราพบโชค ซึ่งมีการดำเนินการไปก่อนหน้านี้แล้ว 1,000 ตัน ได้การตอบรับเป็นอย่างดี เกษตรกรมีความพอใจในราคาผลผลิตเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามทางกรมการค้าภายในจะมีการติดตามอย่างใกล้ชิด โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดจะเป็นกลไกหลักในการประสานเกษตรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เข้ามาดูแลในเรื่องราคา ตลอดจนการบริหารจัดการเรื่องของปริมาณ ถือเป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกร และดูแลการจัดจำหน่ายของเกษตรกรให้มีความเป็นธรรมและป้องกันไม่ให้มีการกดราคา
“หากพบเห็นการว่ามีการกดราคาหรือเอาเปรียบ สามารถแจ้งได้ที่ 1569 ฝากถึงร้านค้าต่างๆ ขอให้ปิดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน ถ้าตรวจพบจะมีโทษปรับสูงสุด 10,000 บาท หากพบว่าขายแพงเกินสมควร จำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” นายวัฒนศักย์กล่าว