กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. และ ป.ป.ช.ร่วมกันจับกุม “นายศรีสุวรรณ จรรยา” นักร้องคนดังคาบ้านพัก พร้อม นายยศวริศ ชูกล่อม ประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ ที่ร่วมกับ “ตบทรัพย์” อธิบดีกรมข้าว 3 ล้าน ที่กำลังเป็นข่าวครึกโครมอยู่เวลานี้
…
ก่อนจะมีการขยายผลหาตัวการที่อยู่เบื้องหลัง รวมทั้งขยายผลไปถึงเหยื่อและเป้าหมายแก๊งตบทรัพย์ที่ผ่านมาด้วย เพราะเชื่อแน่ว่า การข่มขู่รีดทรัพย์เหยื่อที่ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ และผู้บริหารหน่วยงานรัฐทั้งหลายแหล่ คงไม่ได้มีแต่อธิบดีกรมข้าวนี้แน่!
อย่างน้อยอธิบดีกรมฝนหลวง และการบินเกษตร ก็คงจะอยู่ในข่ายเป้าหมายที่แก๊งตบทรัพย์กำลังรุกคืบจะเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์แน่ เพราะมีการเดินเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นขบวนการ หากไม่เพราะอธิบดีกรมข้าวฮึดสู้ยิบตา หันกลับมาเอาคืนด้วยการแจ้งความจับยกแก๊ง ก็เชื่อแน่ว่า คงจะมีเหยื่อมากกว่านี้..
โดยนอกจากอธิบดีฝนหลวงและการบินเกษตร และกรมการข้าว ที่กำลังเป็นข่าวครึกโครมอยู่เวลานี้ ก่อนหน้าอธิบดีกรมปศุสัตว์ ที่กำลังถูกผสมโรงไล่เช็คบิลกรณีขบวนการหมูเถื่อนนับหมื่นตู้ ก็อยู่ในข่ายถูกร้องให้ตรวจสอบอย่างถึงพริกถึงขิงด้วย
โดยเฉพาะกรณีของอธิบดีฝนหลวงฯ ที่แก๊งตบทรัพย์แก๊งนี้มีการยื่นเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นขบวนการ โดยเลือกยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ร.อ.ธรรมนัส พรมเผ่า รมต.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.66 ที่ผ่านมา เพื่อขอให้ตั้งกรรมการสอบผู้บริหารกระทรวงที่อาจเอื้อประโยชน์ให้กับตัวแทนนายหน้าบริษัทที่เสนอขายเครื่องบินทำฝนหลวง ไปดูงานที่สาธารณรัฐเช็ก
ก่อนที่ในอีกสัปดาห์ต่อมา 20 ธ.ค.66 นายศรีสุวรรณและนายยศวริศ จะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง โครงการประกวดราคาซื้อเครื่องบินขนาดกลางของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร มูลค่า 1,188 ล้าน โดยอ้างพบพิรุธหลายประการ มีการนำผู้บริหารในกรมเดินทางไปดูงานบริษัทที่เสนอขายเครื่องบินก่อนการประมูล
เมื่อตรวจสอบย้อนหลังไปในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เราได้พบเห็นพฤติกรรมของนักร้องคนดังที่เข้าไปเกี่ยวข้องและร้องเรียนเรื่องต่างๆ ทั้งในส่วนของนักการเมือง พรรคการเมือง ส่วนงานราชการ หน่วยงานรัฐในระดับต่าง ๆ ชนิดที่เรียกว่า แทบจะเดินสายร้องกันเป็นรายวันเลยทีเดียว
โดยก่อนหน้านั้น 28 ก.ย. 63 ศรีสุวรรณ เข้าร้องดีเอสไอ เอาผิดคณะกรรมการคัดเลือกตาม ม. 36 พ.ร.บ.การร่วมลงทุน ระหว่างรัฐและเอกชน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กรณีมีมติ เห็นชอบให้เป็นแปลงเงื่อนไขเอกสารประกวดราคาใหม่ หลังจากมีการขายซองประกวดราคาไปแล้ว โดยระบุว่า เป็นการดำเนินการที่ขัดมติคณะรัฐมนตรี เมื่อ 28 ม.ค. 63 และยังขัดต่อการรักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐอีกด้วย
ร้องไปแล้วก็เงียบไปไม่มีการติดตามถามไถ่ จนชวนให้สงสัยว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. “ปก ปิด แช่” เรื่องไว้ตามระเบียบ หรือแก๊งพี่ศรีดอดไปเกี้ยเซี้ยะผู้ถูกร้องแบบกรณีอธิบดีกรมข้าว เรื่องถึงหายเข้ากลีบเมฆจนวันนี้หรือไม่?
เช่นเดียวกับที่ “พี่ศรี” ดอดไปยื่นเรื่องร้องนายภคพงษ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่า รฟม. ต่อ ป.ป.ช. เมื่อ 14 มี.ค. 65 กรณีเหินฟ้าทัวร์นอกพร้อมครอบครัวเมื่อปี 65 โดยไม่ได้ยื่นใบลาต่อบอร์ด รฟม. และมีรายงานว่า มีบริษัทเอกชนเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ จึงขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนและวินิจฉัยว่าการกระทำของผู้ว่าการ รฟม. เป็นการกระทำผิดทุจริตต่อหน้าที่หรือตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือไม่ ก่อนที่เรื่องจะเงียบหายเข้ากลีบเมฆ..
เช่นเดียวกับที่ “พี่ศรี” ดอดไปร้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กรณีตั้งแท่นอนุมัติการควบรวมกิจการระหว่าง “ทรู-ดีแทค” เมื่อ 28 มี.ค. 65 โดยขอให้ กสทช. ใช้อำนาจตามกฎหมายในการระงับยับยั้งป้องกันไม่ให้เกิดการควบรวมกิจการมือถือทรู-ดีแทค อันเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อกฎหมายระเบียบของ กสทช. ก่อให้เกิดการผูกขาด กระทบต่อการแข่งขันของธุรกิจการให้บริการโทรศัพท์มือถือ ส่งผลกระทบมหาศาลต่อผู้บริโภค พร้อมระบุว่า หาก กสทช. ไม่ดำเนินการยับยั้ง ก็จะนำเรื่องนี้ไปฟ้องต่อศาลปกครองเป็นลำดับต่อไป
ก่อนที่ในอีกขวบปีต่อมา 23 ก.พ.66 นายศรีสุวรรณได้นำกรณีดีลควบรวมธุรกิจทรูและดีแทค ดังกล่าวเข้ายื่นฟ้อง กสทช.ต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้ศาลเพิกถอนมติ กสทช. ที่ "รับทราบ" การควบรวมธุรกิจในครั้งนี้ เพราะเป็นการดำเนินการที่ย้อนแย้งต่อกฎหมาย ก่อนที่เรื่องจะเงียบหายเข้ากลีบเมฆไปเช่นเดิม
13 พ.ย.66 “พี่ศรี” ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้พิจารณาเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การที่รัฐบาลตรา พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในโครงการแจกเงิน “ดิจิทัลวอลเล็ต” ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ 60 มาตรา 140 ประกอบ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ.2560 มาตรา 53 หรือไม่
ถัดมาอีกวัน 15 พ.ย.66 “พี่ศรี” ดอดไปยื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ตรวจสอบโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต ว่าเข้าข่ายหลอกลวงหรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง ตามมาตรา 73 (5) (1) ประกอบมาตรา 159 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 เนื่องจากพรรคเพื่อไทยหาเสียงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ต้องกู้มาแจก แต่สุดท้ายมีการแถลงว่าจะต้องกู้ 5 แสนล้านบาท ซึ่งไม่ตรงกับที่หาเสียงไว้
แม้แต่นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน เดินทางลงไปตรวจงานและซื้อหวยชุดจากผู้ค้าเร่ยกชุดในราคาใบละ 120 บาท ที่แพงกว่าราคาควบคุม แค่เรื่องแว่วเข้าหูพี่ศรี ก็จัดหนักยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ขอให้ไต่สวนและวินิจฉัยเอาผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กรณีควักเงินซื้อหวยชุดงวดที่ผ่านมาตกใบละ 120 บาท ซึ่งเป็นราคาที่เกินไปกว่าที่สำนักงานสลากฯ กำหนด อันถือเป็นการส่งเสริมสนับสนุนให้แม่ค้าขายหวยกระทำความผิด
ขนาดนายกฯ ลงไปเปิดงานโอทอป พร้อม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และเห็นผ้ามัดหมี่ที่เอามาโชว์ในงานสวยจับตา เลยควักเงินซื้อผ้ามัดหมี่มอบให้หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พี่ศรีเห็นข่าวเท่านั้น ก็จัดชุดใหญ่ไฟกระพริบทำหนังสือร้อง ลงวันที่ 6 ธ.ค. 66 ไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวนกรณีนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ซื้อผ้ามัดหมี่จำนวน 6,000 บาท ไปมอบให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เป็นการฝ่าฝืน ม.128 แห่ง พรป.ป.ป.ช. พ.ศ.2561 และฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่?
กรณีที่ศาลปกครองและศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้ กทม. เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างโครงการแอชตัน อโศก คอนโดสุดหรูใจกลางแยกอโสก ด้วยเหตุผลที่ดินมสถานีรถไฟฟ้าที่ได้รับอนุมัติให้เป็นทางผ่านเข้า-ออกโครงการเป็นการใช้ผิดวัตถุประสงค์การเวนคืนนั้น ก็เป็นอีกผลงาน “ชิ้นโบแดง” ของ “พี่ศรี” ในฐานะนายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ที่ร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ซอยสุขุมวิท 19 แยก 2 ยานฟ้องผู้อำนวยการสำนักงานโยธา กทม. ต่อการออกใบอนุญาตดังกล่าว จนนำมาซึ่งคำพิพากษาให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างโครงการคอนโดฯ หรูในที่สุด
แม้ในท้ายที่สุด กทม. จะร่วมกันหาทางออกด้วยการเปิดทางให้โครงการยื่นขอใบอนุญาตใหม่ให้ถูกต้อง แต่ผลพวงจากคำพิพากษา ก็ทำให้ผู้ว่าการ รฟม. กระโดดรับลูกศาลปกครองแทนด้วยการมีหนังสือแจ้งเพิกถอนหนังสืออนุญาตผ่านทางเข้า-ออกโครงการที่ รฟม. ออกให้แก่บริษัทก่อนหน้านี้ ทั้งที่ศาลไม่ได้มีคำสั่งเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด และการฟ้องร้องก็ไม่มีส่วนใดเข้ามาเกี่ยวข่องกับ รฟม.
จนทำให้อดคิดไปไม่ได้ว่าเครือข่ายแก๊งตบทรัพย์ของพี่ศรีนั้น มีอยู่เพียง 2-3 คนเท่านั้น หรือยังมีตัวใหญ่บิ๊กบึ้มกว่านั้นอีก!!!