บินไทยยกแม่น้ำทั้ง 5 แจงเหตุซุ่มสั่งซื้อฝูงบินรวดเดียว 45 ลำ มูลค่านับแสนล้าน อ้างทดแทนเครื่องเก่าที่ทยอยปลดระวาง หากไม่ดำเนินการกระทบขีดความสามารถ หารายได้คืนเจ้าหนี้ ยืนยันสภาพคล่อง ไม่กระทบแผนชำระเจ้าหนี้ แอร์ไม่ต้องหัดทอดปาท่องโก๋อีก
หลังจากสำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าวว่า การบินไทยได้สั่งซื้อเครื่องบินลำตัวแคบ Boeing 787 เพิ่มจำนวน 45 ลำ ท่ามกลางความงวยงงของหลายฝ่ายถึงสถานะของบริษัทที่อยู่ระหว่างฟื้นฟู และเกรงอาจทำให้บริษัทต้องเจ๊งรอบ 2 นั้น
ล่าสุด การบินไทยได้ออกมายอมรับถึงกรณีดังกล่าวแล้วว่า เป็นเรื่องจริง โดยตั้งใจจะเปิดเผยรายละเอียดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแบบเครื่องบินและเครื่องยนต์ในการจัดหาครั้งนี้ร่วมกับผู้ผลิตในงาน Singapore Airshow ที่จะจัดขึ้น ณ ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 20-25 กุมภาพันธ์ 2567 นี้
รับแผนจัดหาเครื่องบินบิ๊กล็อต 45 ลำ
ทั้งนี้ บมจ.การบินไทย หรือ THAI ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า เมื่อเร็วๆ นี้บริษัทได้ลงนามในสัญญาจัดหาเครื่องบินและเครื่องยนต์ร่วมกับบริษัท โบอิ้ง จำกัด และบริษัท จีที แอโรสเปซ จำกัด เพื่อจัดหาเครื่องบินแบบลำตัวกว้างพิสัยกลางและไกลพร้อมเครื่องยนต์จำนวน 45 ลำ พร้อมสิทธิในการจัดหาเพิ่มเติม (Option Order) อีกจำนวนหนึ่ง เพื่อนำเข้าประจำการในฝูงบินของบริษัทตั้งแต่ปี 2570-2576 ตามแผนเครือข่ายเส้นทางบินที่จัดทำขึ้น
โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทได้ออกเอกสารเชิญยื่นข้อเสนอราคา (RFP) ไปยังบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินและเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามแผนบริหารเครือข่ายเส้นทางบินและฝูงบินระยะยาว เพื่อสร้างความมั่นใจว่าบริษัทจะสามารถรักษาระดับความสามารถในการหารายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายและประมาณการทางการเงินที่จัดทำขึ้น ทั้งเพื่อทดแทนเครื่องบินที่มีกำหนดจะปลดระวางและทยอยหมดสัญญาเช่าในกรอบระยะเวลาข้างต้น เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทฯ ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา
อ้างรักษาส่วนแบ่งตลาด - ทดแทนเครื่องเก่า
โดยส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทฯ ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ลดลงจากร้อยละ 51.3 ในปี 2556 เหลือเพียงร้อยละ 27.0 ในปี 2566 ส่วนหนึ่งด้วยข้อจำกัดด้านฝูงบินของบริษัทฯ ทั้งในเชิงปริมาณและประสิทธิภาพของเครื่องบิน โดยในปี 2556 บริษัทฯ มีเครื่องบินรวมทั้งสิ้น 100 ลำ ต่อมาเมื่ออุตสาหกรรมการบินได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ประกอบกับการที่บริษัทฯ เข้าสู่การฟื้นฟูกิจการ บริษัทฯ ได้ปลดระวางเครื่องบินที่มีอายุการใช้งานยาวนานจำนวนหนึ่ง ที่มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงสูง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องโดยสารเสื่อมสภาพ มีค่าซ่อมบำรุงที่เพิ่มสูงขึ้นในแต่ละปี ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2565 บริษัทฯ มีเครื่องบินที่ใช้ในการปฏิบัติการบินเหลือเพียง 64 ลำ หรือมีขนาดฝูงบินรวมลดลงร้อยละ 36 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2556
โดยระหว่างปี 2565 – 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้แก้ไขข้อจำกัดด้านฝูงบิน โดยการจัดหาเครื่องบินด้วยวิธีเช่าดำเนินงาน (Operating Lease) เพื่อนำมาใช้ในการปฏิบัติการบินรองรับปริมาณความต้องการเดินทางที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเป็นเครื่องบินลำตัวกว้างจำนวน 21 ลำ ซึ่งทยอยรับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 ส่วนใหญ่เป็นเครื่องบินแบบ Airbus 350 ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ Rolls-Royce แบบ Trent XWB และจะเริ่มทยอยรับเครื่องบินลำตัวแคบแบบแอร์บัส 321 neo ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2568 เป็นต้นไป ทำให้จำนวนเครื่องบินในฝูงบินของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็น 70 ลำในปี 2566 ที่ผ่านมา และจะเพิ่มขึ้นเป็น 79 ลำในปี 2567 และ 90 ลำในปี 2568 ตามลำดับ
ยันฝูงบินที่มี ยังน้อยกว่าในอดีตปี 56
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงเรื่องจำนวนเครื่องบินที่อยู่ในแผนปลดระวางและสัญญาเช่าที่จะทยอยหมดอายุลง ระยะเวลาการผลิตของผู้ผลิต และปริมาณความต้องการเครื่องบินในอุตสาหกรรมที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หากบริษัทฯ ไม่ดำเนินการจัดหาฝูงบินระยะยาวในครั้งนี้ จะส่งผลให้ในปี 2576 ฝูงบินของบริษัทฯจะมีจำนวนเครื่องบินเหลือเพียง 51 ลำ น้อยกว่าปี 2556 ถึงร้อยละ 49 ซึ่งไม่เพียงพอต่อการสร้างรายได้ การรักษาส่วนแบ่งทางตลาด ขีดความสามารถในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ตลอดจนความสามารถในการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ และเมื่อพิจารณาจำนวนเครื่องบินที่จัดหาเพิ่มเติมในคราวนี้จำนวน 45 ลำในปี 2576 บริษัทฯ จะมีจำนวนเครื่องบินรวมทั้งสิ้น 96 ลำ ซึ่งก็ยังคงน้อยกว่าจำนวนเครื่องบินในฝูงบินของบริษัทฯ เมื่อปี 2556
ยันแผนจัดหา - สภาพคล่องไม่กระทบชำระหนี้
ในส่วนของแผนการเงินที่จะนำมาชำระค่าเครื่องบินและเครื่องยนต์ดังกล่าว ขณะนี้บริษัทฯ เตรียมความพร้อมทางการเงินและคาดการณ์สภาพคล่องในอนาคตว่ามีจำนวนเพียงพอต่อการชำระค่าเครื่องบินและเครื่องยนต์ตามกรอบเวลาการจัดหา โดยบริษัทฯ จะพิจารณาแหล่งเงินทุนและเลือกวิธีการจัดหาเงินทุนที่เหมาะสมอีกครั้ง ซึ่งจะขึ้นกับสถานะการเงิน สภาพคล่องของบริษัทฯและความคุ้มค่าทางการเงิน โดยจะเปิดกว้างพิจารณารูปแบบการเช่าดำเนินการและเช่าซื้อเครื่องบินในสัดส่วนที่เหมาะสม และการจัดหาเครื่องบินในครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทฯ ตามแผนฟื้นฟูกิจการแต่อย่างใด
ในการจัดหาเครื่องบินครั้งนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการอย่างรอบคอบและให้ความสำคัญกับความโปร่งใสในกระบวนการ ดำเนินการตรงกับบริษัทผู้ผลิตทุกรายโดยไม่ผ่านตัวแทน อ้างอิงรูปแบบการดำเนินการที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมการบิน เทียบเคียงสายการบินชั้นนำอื่นๆ มีที่ปรึกษาชั้นนำที่ได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรมการบินระหว่างประเทศร่วมพัฒนาแบบจำลองเครือข่ายเส้นทางบิน แบบจำลองและประมาณการทางการเงิน กำหนดรายละเอียดหลักเกณฑ์การคัดเลือกประเมินผลและการเจรจาต่อรองกับผู้ผลิต โดยมุ่งเน้นประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯ เป็นสำคัญ ทั้งในด้านต้นทุนดำเนินการในทุกมิติ
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเปิดเผยข้อเท็จจริงในรายละเอียดเกี่ยวกับแบบเครื่องบินและเครื่องยนต์ในการจัดหาครั้งนี้ร่วมกับผู้ผลิตในงาน Singapore Airshow ที่จะจัดขึ้น ณ ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 20-25 กุมภาพันธ์ศกนี้