หลัง “นายกฯ เศรษฐา” เปิดทำเนียบโชว์วิสัยทัศน์ประกาศเราจะเป็น Thailand Aviation HUB อัพเกรดประเทศไทย ยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินให้รองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ 150 ล้านคน
จะผลักดันสุวรรณภูมิให้ติด 1 ใน 50 ในปีนี้ และติดท็อป 20 ใน 5 ปี รวมทั้งจะผลักดันให้ไทยติด 1 ใน 10 ศูนย์กลางกระจายสินค้าทางอากาศของภูมิภาคไปเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา
ทุกภาคส่วนต่างออกมาขานรับนโยบายรัฐบาลกันใหญ่โต ท่ามกลางความกังวลของหลากหลายธุรกิจของไทยที่กำลังร้องแรกแหกกระเชอขอให้ภาครัฐเร่งเข้ามาดูแลและสกัดกั้นการไหลบ่าของ “สินค้าจีน” ที่กำลังรุกคืบตีตลาดยึดหัวหาดสินค้าไทยจนเสียศูนย์ แม้แต่ผัก ผลไม้ที่ประเทศไทยเคยส่งออกไปจีนกันใหญ่โตก่อนหน้า
ตอนนี้กลับตาลปัตร ผักผลไม้จีนจีนกำลัง “ตีกลับ” หวนกลับมาถล่มไทยแทน ขนาด “กางเกงช้างโคราช” และอีกไม่รู้กี่สิบจังหวัดที่ “คณะกรรมการซอฟพาวเวอร์” ส่งเสริมให้แต่ละจังหวัดชูออกมาเป็นสินค้าเลื่องชื่อของจังหวัดนั้น ยังเจอ “กางเกงก๊อป” จากจีนตีตลาดกระเจิงไปแล้วเวลานี้
เพราะสนนราคาตัวละไม่ถึง 100 บาท แถมมีช่องทางการตลาดเหนือกว่าไทยหลายเท่า
การจะเป็น Aviation HUB ที่ว่า ต้องถามตัวเองด้วยว่า...
แล้ว “ศักยภาพ” ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) รองรับได้แค่ไหน?….ทุกฝ่ายรู้อยู่แก่ใจ .....3 วันดี 4 วันไข้
ขอโทษ! วันวานนายกฯ ย่องไปตรวจดูงานบริการผู้โดยสารโดยไม่บอกล่วงหน้า ยังผงะบ่นอุบกลับมา จนต้องสั่ง ทอท. บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหากันรายวันอยู่เลย ทั้งในส่วน ตม.-ตรวจคนเข้าเมือง
ระบบสายพานลำเลียง กระเป๋าสัมภาระ ผู้โดยสาร-นทท. ติดแหง๊กรอตรวจกันเป็นชั่วโมง
แม้แต่ ขสมก. ยังลดเที่ยววิ่ง Shuttle Bus ทำผู้โดยสารตกค้างกันเป็นกุรุด
ส่วน AOT ที่ขานรับนโยบายทันที เพราะมองเห็นโอกาสทองจะได้รีบ “ปัดฝุ่น” ลุยไฟขยายสนามบิน! ขยายอาคารผู้โดยสารฝั่งตะวันตก-ตะวันออก รวมทั้งอาคารผู้โดยสารด้านใต้ได้เสียที
หลังจากหลงไปผุด “เทอร์มินัลตัดแปะ” ด้านเหนือ นอกมาสเตอร์แพลนกันอยู่หลายปี
หากการสร้างและขยายอาคารผู้โดยสาร เพิ่มด่าน ตม. แล้วมันทำให้เราเป็น Aviation HUB ได้ ประเทศจีนของทั่นประธานาธิบดีสี จิ้นผิง คงเป็นได้นานแล้ว เพราะแต่ละแห่งอลังการงานสร้างเผื่อกันไว้เป็น 100 ปี
แต่ของไทยเรานั้น ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ไม่รู้นายกฯ ลงไปเห็น ลงไปดูหรือยัง อย่างค่าโดยสารในเมืองท่องเที่ยวหลัก (ที่มีอยู่ไม่กี่แห่ง) ที่ผู้โดยสาร-นักท่องเที่ยวร้องแรกหกกระเชอ.... ป่านนี้ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข (ไอ้ที่แก้ไขกันไปวันวานนั้นมันแค่ขายผ้าเอาหน้ารอด) กันเท่านั้น
หรือเอาแค่เรื่อง “แท็กซี่” ที่จะให้บริการใน-นอกสนามบิน ท่านนายกฯ และ รมว.คมนาคม ตอบได้ไหม จะทำให้ค่าบริการแท็กซี่ในและนอกสนามบินเป็นมาตรฐานเดียวกันได้อย่างไร?
ลากกระเป๋าเรียกแท็กซี่จากบ้านไปสนามบินไม่เท่าไหร่ แต่หากลากกระเป๋า (ไซส์ที่ Carry on board) ลงจากเครื่องมาเรียกแท็กซี่ในสนามบินนั่นแหล่ะ
หุหุหุ....ความหรรษาบังเกิด!
ผู้โดยสาร- นักท่องเที่ยวหน้าไหนก็ขนหัวลุกกับบริการแท็กซี่แบบไทยๆ สนนค่าบริการนอกจากจะบวกเซอร์ชาร์จที่ไม่เท่ากันแล้ว เดี๋ยวนี้ยังมีค่าลากกระเป๋าใบละ 20 บาท แถมด้วยอีก (มันแปลกดีนะ ๆ กระเป๋าที่เรา Carry on board วางบนเคบินฟรี แต่ขึ้นแท็กซี่ต้องเสียค่าลากใบละ 20)
ส่วนค่าธรรมเนียมเซอร์ชาร์จในสนามบินอาคารในและ ตปท. ก็คนละอัตรา ไม่เท่ากันอีก โดยไม่มีใครถาม (ฝากนายกฯ ถามละกัน) ว่า ทำไมถึงไม่เท่ากัน...มีบริการใดพิเศษดีกว่าเหนือกว่าหรือ?
สำหรับนักท่องเที่ยวไทย หรือผู้โดยสารไม่ประสงค์จะเสียค่าเซอร์ชาร์จที่ว่า หากลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาจเลือกไปวัดดวงต่อแอร์พอร์ตลิงค์ ไปวัดดวงเอาข้างหน้า (ถ้าดึกรถไฟฟ้าหมดแล้ว)
แต่ถ้าเป็นที่สนามบินดอนเมือง ก็ต้องมาลงสะพานลอยที่แคบ ชัน และมืดลงมาวัดดวงเรียกแท็กซี่มิเตอร์บนถนนวิภาวดีกันเอาเอง อันนี้ ทอท. เขาไม่รับรองความปลอดภัยอะไรให้
ยังมีเรื่องของ “สนามบินนานาชาติแห่งที่ 3” อู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออกอีกหล่ะท่านนายกฯ จะเอายังไงก็ยังไม่มีความชัดเจน จะให้บริษัทเอกชนลุยไฟกันไป เขาก็ถามแล้วใครจะไปใช้บริการ
ในเมื่อมันไม่มี “ไฮสปีดเทรน” เชื่อมการเดินทาง เพราะไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน ที่รัฐบาลให้สัมปทานเอกชนไปเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว
ป่านนี้ก็ยังไม่เปิดหวูดก่อสร้าง พาลจะเจริญรอยตามถนนพระราม 2 เอา เหตุผลเป็นเพราะอะไร วานท่านนายกฯ ลองยกหูสอบถามเจ้าสัวธนินท์ เจรียรวนนท์ ดูเอา
ไหนจะยังมีเรื่องของ รถไฟไทย-จีน ที่เฟสแรก 253 กม.สร้างมากว่า 6-7 ปีแล้วคืบไปแค่ 25-30% (ยังไม่รู้จะต้องทะเลาะกันเรื่องสถานีอยุธยาไปอีกกี่) ที่จ่อจะไปจบแบบ “อุเทนถวาย”
ยังไม่รวมปัญหาก่อสร้างซูเปอร์ฯ โครงสร้างร่วมไฮสปีดเทรน 15 กม. ที่อาจต้องปูเสื่อรอกันไปอีกสัก 3-5 ปีจากนี้
ส่วนเฟส 2 อีก 356 กม. ที่จะไปเชื่อมต่อรถไฟ สปป.ลาวจีนเขาที่หนองคายนั้น
ส่วนนี้รับประกันซ่อมฟรีว่า ยังไงก็เจริญรอยตามถนนพระราม 2 เป็นแน่ (นายกฯ คงไม่ได้เห็นในทศวรรษนี้ อาจเห็นในทศวรรษปี 2600 ไปแล้ว)
เรายังฝันยังคงมุ่งมั่นจะเป็นThailand Aviation HUB อยู่อีกหรือ ???
หุหุหุ