บอร์ด กสทช. จี้สำนักงานจัดทำรายงานผลการติดตามการควบรวมทรู-ดีแทค เพื่อแจงสภาพัฒน์ฯ หลังลงสำรวจพบไม่ตรงปกอื้อ ร้องขอให้ทบทวนมาตรการกำกับดูแลโทรคมนาคมหลังควบรวมใหม่ เหตุมีการร้องเรียนเรื่องคุณภาพสัญญาณ และราคาเพิ่มขึ้น
นางสาวพิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกิจการโทรทัศน์ (กสทช.) เปิดเผยถึงผลสำรวจของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กรณีการควบรวมกิจการบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ที่ดำเนินการครบขวบปีว่า ที่ประชุม กสทช.ล่าสุด ได้เร่งรัดให้สำนักงาน กสทช. ทำรายงานความคืบหน้ามาตรการกำกับดูแลกิจการหลังควบรวมทรู-ดีแทค ภายใน 7 วัน เพื่อชี้แจงเรื่องคุณภาพการให้บริการ ราคาและแพ็กเกจที่มีรายละเอียดมากกกว่าการเฉลี่ยราคาที่บริษัทแจกแจงก่อนหน้านี้ ชี้ให้เห็นว่า ค่าบริการพื้นฐานในปัจจุบันถูกหรือแพงกว่าเดิม จากนั้นบอร์ด กสทช. จะพิจารณา และจะรวบรวมข้อมูลเพื่อชี้แจงแก่สาธารณชนต่อไป
นายศุภัช ศุภชลาศัย กสทช. ด้านเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่า การวัดค่าเรื่องราคาค่าบริการยังมีความซับซ้อนจากบริบทการให้บริการที่หลอมรวมหลายบริการ นอกจากนี้แต่ละหน่วยงานก็มีตัวเลขที่ชี้วัดเฉพาะของตน และข้อร้องเรียนเรื่องราคาจากที่ได้รับร้องเรียน ยังไม่มีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ชี้วัดที่ชัดเจน ซึ่งขณะนี้ฝ่ายวิชาการ กสทช. ได้ออกแบบระเบียบวิธีสร้างดัชนีโทรคมนาคมเสร็จสิ้นแล้ว เหลือแต่เพียงการประสานทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สภาพัฒน์ฯ ภาคเอกชน และส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ยอมรับระเบียบวิธีและใช้ตัวเลขเดียวกันชี้วัดราคาโทรคมนาคม เมื่อเสร็จสิ้นแล้วจึงจะใส่ตัวเลขลงในเครื่องมือและประเมินภาพตลาดต่อไป โดยจะดำเนินการได้ทันในสิ้นไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
อย่างไรก็ตาม การแถลงข้อมูลภาวะสังคมไตรมาสที่ 4 ปี 2566 และภาพรวมปี 2566 ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ (สศช.) เมื่อวันที่ 4 มี.ค.2567 ที่ผ่านมา มีประเด็นที่น่าสนใจในเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ในส่วนของผลกระทบของผู้บริโภคหลังการควบรวมกิจการโทรคมนาคม กรณีการควบรวมธุรกิจของบริษัทขนาดใหญ่ในตลาดโทรคมนาคม จากข้อร้องเรียนที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้รับพบว่า ภายหลังการควบรวมกิจการค่าบริการรายเดือนของโทรศัพท์มือถือปรับตัวเพิ่มขึ้นและบางโปรโมชันยังถูกลดนาทีค่าโทรลง เช่น แพ็กเกจราคา 349 บาท ปรับราคาขึ้นเป็น 399 บาท ทั้งยังมีการลดปริมาณและความเร็วอินเทอร์เน็ตลง , แพ็กเกจราคา 499 และ 599 บาท ถูกลดนาทีค่าโทรลงจาก 300 นาที เหลือ 250 นาที
อีกทั้งผู้บริโภคยังเริ่มประสบปัญหาด้านคุณภาพสัญญาณมากขึ้น จากผลสำรวจความคิดเห็นผู้ใช้บริการทุกเครือข่ายมือถือทั่วประเทศผ่านระบบออนไลน์ของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ในช่วงที่ผ่านมา พบว่า กลุ่มตัวอย่าง81% พบปัญหาการใช้งานในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาโดยเครือข่ายของบริษัทที่มีการควบรวมพบมากที่สุด คือ ปัญหา สัญญาณอินเทอร์เน็ตช้า รองลงมาเป็นปัญหาสัญญาณอินเทอร์เน็ตหลุดบ่อย เป็นต้น โดย 91% ของผู้ได้รับผลกระทบเคยร้องเรียนไปยังคอลเซ็นเตอร์ของเครือข่ายที่ใช้บริการแล้วแต่ยังพบปัญหาอยู่เช่นเดิม
อย่างไรก็ตาม แม้สำนักงาน กสทช. จะมีการกำหนดเงื่อนไขในการควบรวม เช่น การลดอัตราค่าบริการเฉลี่ยลง 12% เพื่อควบคุมราคาค่าบริการแต่จากสถานการณ์ข้างต้น เห็นได้ชัดว่า มาตรการดังกล่าวยังไม่สามารถคุ้มครองผู้บริโภคได้เท่าที่ควร ขณะที่ในต่างประเทศ เช่น ออสเตรีย ได้กำหนดเงื่อนไขการควบรวมธุรกิจ T-Mobile และ tele.ring ในปี 2006 ให้ผู้ควบรวมต้องขายคลื่นความถี่และเสาสัญญาณบางส่วนให้กับผู้ให้บริการรายอื่น ทำให้ผู้ให้บริการรายเล็กมีโครงข่ายที่แข็งแกร่งสามารถแข่งขันได้มากขึ้น ดังนั้น สำนักงาน กสทช. ในฐานะหน่วยงานหลักที่ทำหน้าที่คุ้มครองสิทธิของประชาชนไม่ให้ถูกเอาเปรียบจากผู้ประกอบกิจการด้านโทรคมนาคม จึงควรมีการทบทวน/เพิ่มเติมแนวทางการกำกับดูแลที่ชัดเจนและเข้มข้นมากขึ้น อาทิ การกำหนดเพดาน/ควบคุมราคาของอัตราค่าบริการเฉลี่ยให้เหมาะสม ตลอดจนมีมาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่อย่างจริงจัง