ก้าวสู่เดือนที่ 7 ของ “รัฐบาลเศรษฐา” เหตุที่ต้องเลื่อนแถลงผลงานครึ่งปีออกไป ล้วนสัมพันธ์กับการ “ขึ้นเหนือ” ร่วมงานเลี้ยง “3 นายกฯ” และการปรับ “ครม.เศรษฐา 2” งานนี้...ใครจะวัดใจใคร? ไม่รู้! แต่กับ “มือที่มองไม่เห็น หรือ Invisible Hand” ผู้มีอำนาจแฝงล้นฟ้าในเพลานี้แล้ว ย่อมต้องคิดถึงการวางคนให้ตรงกับงาน เพื่อจะได้รังสรรค์ผลงานของรัฐบาลให้ออกมาเป็นรูปธรรมมากที่สุด! ใครจะอยู่หรือไป? มี 2 ห้วงเวลาให้ “นายกฯเศรษฐา” ได้ตัดสินใจ
..............
การแถลงผลงาน 6 เดือนของรัฐบาล มีเหตุให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง จำต้องเลื่อนไปก่อน! ตรงนี้พอเข้าใจได้ ส่วนใครจะแซว...เพราะต้อง “ขึ้นเหนือ” ไปพบกับ “บุคคลสำคัญ” ผู้ที่มีอิทธิพลในทางการเมือง...เหนือใครอีกหลายคนในประเทศนี้
โดยเฉพาะคนในซีกรัฐบาลชุดปัจจุบัน แม้ว่าหลายคนจะมาจากพรรคร่วมรัฐบาล แต่ในอดีตก็ล้วนเคยเป็น “ลูกน้องเก่า” ของใครคนนั้น...
ใช่! นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ที่จากบ้านไปนานถึง 17 ปี นั่นเอง
คำแซวข้างต้น...คงไม่ผิด แต่ก็ไม่ถูกเสียทีเดียว!!!
ประเด็นที่สำคัญกว่า และมีเหตุผลมากกว่า... การลงพื้นที่เพื่อตรวจดูสภาพปัญหาของฝุ่นพิษ PM2.5 ในจังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่ภาคเหนือ รวมถึงการจะเข้าไปแก้ไขปัญหา พร้อมกับการส่งเสริมและสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับชาวบ้านและภาคธุรกิจในพื้นที่ตอนบนของประเทศ
กระทั่งเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดพะเยา ในวันที่ 19 มีนาคม 2567
ก็คือ...เนื้อหาสาระในผลงานของ “รัฐบาลเศรษฐา” มันเยอะมาก! มากเสียจน...คนจัดเตรียมข้อมูล จำต้องกลับไปนั่งไล่เรียงลำดับความสำคัญก่อนหลังของผลงานฯ กันใหม่นั่นเอง
ใครจะมองเป็นเรื่องตลก! แต่นั่นคือเหตุผลของบางคนในรัฐบาล? ได้บอกกับสื่อมวลชนบางกลุ่ม!
แต่หากถามจาก “กูรูการเมืองไทย” แล้ว คำตอบอาจเปลี่ยนไป! เหตุที่ต้องเลื่อนแถลงผลงานในรอบ 6 เดือน และ นายกฯ เศรษฐา จำต้องมุ่งตรงไปยังจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อพบกับนายทักษิณ ก็ด้วยเหตุผลเดียว...
การปรับคณะรัฐมนตรี จาก “ครม.เศรษฐา 1” สู่ “ครม.เศรษฐา 2” ภายใต้ความเห็นของนายทักษิณ
หาก “นายใหญ่” แห่ง “บ้านจันทร์ส่องหล้า” เห็นพ้องทั้งในตัวบุคคลที่จะเข้ามารับตำแหน่งใน “ครม.เศรษฐา 2” และเหตุผลที่จะขอสลับเก้าอี้ “เสนาบดี” ในบางกระทรวง กับพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว
ทุกอย่างย่อมฉลุย!!!
ต้องยอมรับกันว่า...ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง และดูจะถี่ยิบมากยิ่งขึ้น แม้เจ้าตัว (นายกฯ เศรษฐา) จะพูดกับสื่อมวลชนประจำเทียบรัฐบาลอยู่หลายครั้ง ทำนอง...
“ผมยังไม่มีความคิดที่จะปรับ ครม. ในขณะนี้ เพราะ ครม.ทุกคนต่างกำลังเร่งทำงานกันเต็มที่” ก็ตาม
แต่ในความเป็นจริง! นายกฯ เศรษฐา ต่างรู้ดี...แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก นับตั้งแต่วันแรกๆ ของการตัดสินใจเข้ารับตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรีลำดับที่ 30” แล้ว
การจัดวางคนลงตำแหน่งใน “ครม.เศรษฐา 1” ทั้งที่เป็นไปเพื่อตอบแทนกลุ่มทุนและกลุ่มการเมืองที่อยู่ด้วยกันมายาวนาน แล้วยังจะต้องให้พรรคร่วม โดยเฉพาะจาก “พรรค 2 ลุง” ได้หยิบชิ้นปลามันกันไปอีก
กระทั่ง ได้กลายเป็นเหตุผลทำให้ผลงานของหลายๆ กระทรวงไร้ความคืบหน้าและไม่มีผลงานมากพอจะนำไปบอกผู้คนในสังคมไทยได้มากนัก
พูดง่ายๆ ปัญหาที่ นายกฯ เศรษฐา แก้ไม่ได้ ก็คือ คำขอในการจัดวางคนที่ไม่ตรงกับเนื้องาน นั่นเอง
ดังนั้น การมุ่งหน้าแสวงหา “ดาวเหนือ” จาก...หมู่บ้านกรีนวัลเลย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ บ้านพักของอดีตนายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ โดยมี “เป้าหมายใหญ่” อยู่ที่ “นายทักษิณ” จึงไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินความเป็นจริงแต่อย่างใด?
และคำตอบที่ได้รับ เชื่อว่า...คงทำให้ นายกฯ เศรษฐา เบาและสบายใจมากกว่าเก่า...
ดูท่าว่ารอบนี้...ไม่เพียงจะได้ “คนตรงเนื้องาน” ใน “ครม.เศรษฐา 2” แต่ยังทำให้...ตัวนายกรัฐมนตรีเอง คลายความกังวลใจ? เมื่อไม่ต้องถ่างขานั่งควบเก้าอี้ “รมว.คลัง” ที่มีเนื้องาน ทั้งเยอะและสำคัญ กระทั่งเป็น “หัวใจหลัก” ในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลและระบบเศรษฐกิจไทย ให้ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมีนัยสำคัญ
“นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม” ดูจะตรงจริตของทุกฝ่าย ทั้งตัว...นายทักษิณ นายกฯ เศรษฐา และผู้นำเหล่าทัพ
กระทั่ง “บิ๊กทิน” นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม คนปัจจุบันเอง ก็ไม่ติดขัดอะไร? หากจะต้องย้ายที่ทำงานไปยังสถานที่แห่งใหม่
สำหรับคนที่จะมานั่งเก้าอี้ “รมว.คลังคนใหม่” มีหลายชื่อที่เสนอกันมา แต่ดูเหมือนสายของ “อดีตนายกฯ หญิงคนแรก” น่าจะอยู่ใน “จุดเกรงใจ” ของทั้งพี่ชาย (นายทักษิณ) และเพื่อนรุ่นพี่ (นายกฯ เศรษฐา) มากที่สุด!
แม้อายุอานามจะมากถึง 75 ปี ทว่าประสบการณ์ทางด้าน การเงินการคลังและตลาดทุนของ นายพิชัย ชุณหวชิร ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ คนที่ 18 ดีกรี “ด็อกเตอร์กิตติมศักดิ์” ทางบัญชี ทั้งจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยศรีปทุม แล้วยังจะได้ “ด็อกเตอร์กิตติมศักดิ์” สาขาวิชาบริหารการเงิน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม พ่วงมาอีก 1 ใบ ย่อมไม่ธรรมดา! กล่าวได้ว่า...ถึงแก่ - แต่ก็เก๋าเกมส์!!!
ระดับ รมช.คลัง เอง รอบนี้...ก็จะน่าเปลี่ยนเช่นกัน? คนเป็น รมช.คลัง สายเพื่อไทย (นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) อาจต้องขยับไปยังจุดที่เหมาะสม บนเก้าอี้ “รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี” เนื่องด้วยเจ้าตัว...เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมากกว่าการเงินการคลัง ขณะที่ “เด็กฝึกงานฯ” ในตำแหน่ง “เลขาฯ รมว.คลัง” อย่าง...นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล มีโอกาสสูงที่จะขยับขึ้นมาทำหน้าที่ รมช.คลัง แทนคนเก่า
ส่วนตำแหน่งอื่นๆ นอกจาก...รมว.กลาโหม รมว.คลัง รมช.คลัง รมต.ประจำสำนักนายกฯ แล้ว คาดว่าจะมี...ตำแหน่งสำคัญๆ โดยเฉพาะ รมว.พาณิชย์ ที่ “เจ้ากระทรวง” ดูจะไม่เหมาะสมกับเก้าอี้ตัวนี้นัก หากเจรจากับพรรคภูมิใจไทย ไม่รู้เรื่อง คงต้องพึ่งบารมีของคนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นแน่!...
หากดัน “เดอะอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย ไปนั่งเก้าอี้ “มท.1” ได้ ก็ต้องหา “เก้าอี้ตัวงามๆ” ประเคนให้กับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล แทน ส่วนจะเป็นเก้าอี้ รมว.พาณิชย์ หรือไม่? วัดใจ...คนกุมบังเหงียนพรรคเพื่อไทยดูแล้วกัน!
ระดับ รมช.มหาดไทย และ รมช.เกษตรฯ ก็ดูเหมือนจะมีปัญหา เพราะ “ว่าการฯ” ทั้ง 2 กระทรวง ไม่มอบหมายภารกิจสำคัญๆ ให้ทำเลย แถมข้าราชการประจำ ใต้อาณัติ “เบอร์ 1 ในกระทรวงฯ” ยังทำตัวเป็น “จระเข้ขวางคลอง” เสียอีก
หมดจาก...กระทรวงมหาดไทย ก็ต้องหันไปดูกันต่อที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ไม่จะเพียง “เจ้ากระทรวง” จะไร้ผลงาน จนถูกมองว่าเป็น “รมต.โลกลืม” หากแต่ภายในองค์กรเอง ยังมีปัญหามากมายให้ต้องสะสาง
แต่เมื่อสางกันไม่ได้...ก็จำต้องรับสภาพ หากผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น “มือที่มองไม่เห็น” จะสลับตำแหน่งในรอบนี้
ใครที่ได้เห็นภาพ งานเลี้ยง “3 นายกฯ” เมื่อวันวาน ก็จะเห็นอีกว่า...ในนั้น ยังจะมี “คนดัง-การเมือง” หลายคน และ บางคน? ก็อยู่ในข่าย “ยาหมดอายุ” จำเป็นจะต้องโยกย้ายกันไป ไม่ว่าจะเป็น...
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เฉพาะรายนี้...จัดว่า “ขยับยาก!” ในยามที่ “นายใหญ่” ต้องการทวงคืนฐานเสียงและเก้าอี้ ส.ส.ภาคเหนือ จากพรรคก้าวไกล จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคงเก้าอี้ตัวนี้เอาไว้ อีกทั้งยังเพื่อรองรับการขยับขยาย...ย้าย “ต้นสังกัด” ในวันข้างหน้ากันอีก
ส่วน นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย รวมถึง...นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ
ยังคงต้องลุ้นกันต่อไป!!!
แต่การ “โผล่หน้า” เข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนั้น...มันสะท้อนได้ทั้งการ “รับสภาพ” และ/หรือ “ต่อรอง” กับคนที่นั่งตรงกลางโต๊ะ (ระหว่าง...นายกฯ คนปัจจุบัน และอดีตนายกฯ)
ท้ายที่สุด! ใครจะอยู่หรือใครจะไป คงต้องรับสภาพกันไป
ส่วนช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการ ปรับคณะรัฐมนตรี จาก “ครม.เศรษฐา 1” สู่ “ครม.เศรษฐา 2” ควรจะเป็นห้วงเวลาใด? ตรงนี้...มีการคาดการณ์จาก “นักวิชาการ - ผู้คร่ำหวอดการเมืองไทย” และ “คอการเมือง - วงใน” ที่ได้ประเมินกันบ้างแล้วว่า... หากไม่ใช่ช่วงเวลา ภายหลังการปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่ได้พิจารณาผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ราววันที่ 9 เม.ย. 2567 แล้ว อีกช่วงที่เหมาะสม ก็คือ หลังวันที่ 10 พ.ค. 2567 ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาชุดแต่งตั้ง ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ทั้ง 250 คน จะหมดวาระที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ครบ 5 ปี โดย สว.บางส่วนที่จะต้องสรรหากันมาใหม่ จะหมดอำนาจในโหวตเลือกนายกฯอีกแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใด? ล้วนส่งผลกระทบต่อภาวะด้านจิตใจของ “คนเก่า” ใน “ครม.เศรษฐา 1” ที่อยู่ในข่ายต้อง “ถูกปรับออก” ทั้งสิ้น!
ส่วนจะเป็นใคร? ที่ต้องออกไป หรือใครที่สลับเก้าอี้ แล้วไม่ดีไปกว่าเดิม สุดท้าย...ก็ต้อง “ทำใจ”
ท่ามกลางสถานการณ์ “วัดใจ” ของคนคุมเกมการเมืองยุคนี้ ที่สุด! ก็ต้องคำนึงถึงผลงานของรัฐบาลเป็นหลัก “คนต้องถูกกับเนื้องาน” และ “เนื้องานก็ต้องมีให้เห็นเป็นรูปธรรม”
อีกไม่กี่อึดใจ...คนไทยจะได้เห็น “อำนาจที่แท้จริง” ของคนคุมเกมการเมืองในยุคสมัยนี้!!!