หลังสภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบรายงานผลศึกษาสถานบันเทิงครบวงจร หรือ Entertainment Complex ของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร ที่มี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เป็นประธานซึ่งได้พิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งเป็นรายงานผลศึกษาเพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว ก่อนที่สภาผู้แทนฯจะให้ความเห็นชอบไปด้วยคะแนนเสียง 257 ต่อ 0 เสียง
ทำให้กรุยทางสู่การยกร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร โล่งสะดวก
ทั้งนี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธาน กมธ.วิสามัญฯ ได้ชี้แจงยืนยันว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (ที่รวมเอากาสิโนอยู่ด้วย) ยืนยันว่า เป็นรายงานผลศึกษาที่มีความสมบูรณ์ มีการศึกษามาอย่างรอบคอบ หากผลักดันให้เกิดขึ้นในประเทศไทย จะเป็นการดึงเอาธุรกิจสีเทาขึ้นมาบนดินนำรายได้เข้าประเทศ
มีการตีปี๊บผลการศึกษาที่ยืนยันว่า หากประเทศไทยมีการจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจร หรือตั้งบ่อนกาสิโนอย่างถูกฎหมายจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ สร้างงานสร้างอาชีพ สร้างเม็ดเงินให้กับประเทศ และพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมใหม่ ส่งเสริมการท่องเที่ยว แก้ไขปัญหาการพนันผิดกฎหมาย ได้เม็ดเงินไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมอ้างอิงตัวอย่างโมเดลจากประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคนี้ ทั้งฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ หรือแม้แต่เพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา
โดย Entertainment Complex ของสิงคโปร์นั้น นัยว่า สามารถดึงรายได้เข้าประเทศสูงกว่าปีละ 2 แสนล้านบาท สร้างงาน สร้างรายได้และดึงดูดการลงทุนเข้าประเทศมหาศาล หากย้ายมาเปิดในประเทศจะสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน โดยนอกจากประโยชน์นอกจากการจัดเก็บรายได้จากภาษีรูปแบบต่างๆ แล้ว คนไทยโดยเฉพาะคนในชุมชนจะได้ประโยชน์ด้วย
ด้านท่านนายกฯ เศรษฐา (เราจะเป็นเศรษฐี) ก็ออกโรงหนุนสุดตัว หากจะมีการผลักดันจัดตั้งกาสิโนอย่างถูกกฎหมายในประเทศไทย โดยอ้างว่า เป็นแนวทางหนึ่งที่จะดึงธุรกิจสีเทาที่ผิดกฎหมายเป็นอีแอบอยู่ใต้ดินขึ้นมาดำเนินการให้ถูกฎหมาย จัดเก็บภาษีเข้ารัฐ สร้างงาน สร้างเงิน สร้างรายได้เข้าประเทศ ถ้าหากทำให้ถูกกฎหมายได้
ก็คงต้องย้อนถามกลับไปยังรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา (พวกเราจะได้เป็นเศรษฐี) ไอ้ที่ว่าได้มีการศึกษากันมาอย่างรอบคอบ ศึกษากันมาเป็นอย่างดีแล้วนั้น แล้วกรณีการศึกษานโยบายแจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจคนละ 10,000 บาท ผ่าน นโยบาย “ดิจิทัล วอลเล็ต” ที่มี รมช.คลัง คนเดียวกันเป็นประธานคณะทำงานศึกษาเช่นกันนั้น เป็นอย่างไร วันนี้รัฐบาล “ผ่าทางตัน” ทำคลอดนโยบายแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ไปได้หรือยังหล่ะ? ไหนว่ามีการศึกษากันมาเป็นอย่างดี ศึกษากันมาอย่างรอบคอบรอบด้านทุกฝ่ายเออออห่อหมกกันหมดแล้ว
แต่ 6 เดือนผ่านไปแล้ว รัฐบาลยังคงมะงุมมะงาหราไม่สามารถผ่าท่างตันทำคลอดนโยบายดังกล่าวออกมาได้ ทั้งที่นโยบายแจกเงินที่ว่าไม่ได้มีอะไรซับซ้อนแม้แต่น้อย
แตกต่างจากความพยายามในการผุดบ่อนพนัน เปิดบ่อนกาสิโน (รวมทั้งกาสิโนออนไลน์) ที่มีความพยายามดำเนินการมาทุกยุคสมัย เกิดออกมาจากท้องพ่อท้องแม่จนแก่จะเข้าโรงอีกหนแล้ว เราก็ยังได้ยินเรื่องเปิดบ่อนพนันเสรี เปิดบ่อนถูกกฎหมายแล้ว
แต่ก่อนจะไปถึงกาสิโนถูกฎหมายหรือที่เรียกชื่อกันซะสวยหรู “เอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์” ที่คงจะผุดกันทั่วบ้านทั่วเมืองนั้น รัฐบาลลองหันกลับไปดูนโยบาย “เปิดเสรีกัญชา” หวยบนดิน 3 ตัว 2 ตัว รวมทั้งการตีทะเบียนเจ้าพ่อ เจ้าแม่เงินกู้ทั้งหลายให้เข้ามาจัดตั้งธุรกิจปล่อยสินเชื่อ ปล่อยกู้ในระบบเป็นสินเชื่อ PICO-NANO Finance ก่อนจะดีไหม มันทำให้ธุรกิจสีเทาที่เคยอยู่ใต้ดินหดหายไปอย่างที่รัฐบาลกรอกหูประชาชนเอาไว้ก่อนหน้าหรือไม่
ยิ่งกับนโยบายเปิดเสรีกัญชา กัญชาเพื่อการแพทย์อะไรนั่นด้วยแล้ว วันนี้รัฐบาลตอบได้ไหม สามารถควบคุมการใช้ประโยชน์จากกัญชาให้เป็นไปตามกฎหมายได้เหรือไม่ สามารถออกกฎหมายกำกับดูแลการใช้ประโยชน์จากกัญชาเพื่อการแพทย์ที่แท้จริงได้ตามที่กฎหมายกำหนด ได้หรือไม่ โรงสูบกัญชาที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด หน่วยงานรัฐสามารถเข้าไปกำกับดูแลไม่ให้มีการสูบการเสพกัญชาเพื่อสันทนาการได้หรือ แต่ละร้านรับกัญชามาจากไหนจากแหล่งผลิตที่ถูกฎหมายหรือไม่อย่างไร สามารถตรวจสอบย้อนกลับไปได้ตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ป้องกันเยาวชนไม่ให้ตกไปเป็นทาสยาเสพติด เสพกัญชาเป็นอาจินต์ได้หรือไม่
ทุกอย่างล้วนล้มเหลวโดยสิ้นเชิง!
มาถึงเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ นี้ก็เช่นกัน เนื้อหาหลักที่มีการหยิบยกขึ้นมาพูดถึงกันเวลานี้ แทบไม่ได้มีการกล่าวถึงการจัดตั้งโรงแรม คอมเพล็กซ์ ห้างสรรพสินค้าอะไรเลย นอกจากการจัดตั้ง “กาสิโน-บ่อนการพนัน” ที่แอบเอาไว้หลัง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร
ป่วยการที่จะมาอ้างว่า รัฐมีมาตรการควบคุมดูแลทั้งสถานที่ขอจัดตั้ง ผู้ประกอบการที่จะจัดตั้ง การป้องกันเด็ก เยาวชน ไม่ให้เข้าไปใช้บริการได้ไหม ป้องกันไม่ให้มีการสูบในสถานที่ขายได้ไหม ว่างๆ นายกฯ ก็ลองแว้ปเข้าไปแถวถนนข้าวสาร ไล่ไปยันท่าพระอาทิตย์ หรือสนามหลวงกันดูเอา จะได้เห็นภาพจริงไม่จกตา รัฐจัดเก็บภาษี ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต อะไรต่อมิอะไรดั่งที่กล่าวอ้างได้สักกี่มากน้อยแหล่ะ
หรือตัวอย่างจัดระเบียบเจ้าพ่อเจ้าแม่เงินกู้ ดึงเจ้าแม่เงินกู้ทั้งหลายเข้าสู่ระบบเพื่อจัดตั้งเป็น PICO-NANO Finance ดึงธุรกิจสีเทาเข้าสู่ระบบขึ้นมาบนดินเพื่อที่รัฐจะได้ควบคุมดูแลไม่ให้ประชาชนถูกเอารัดเอาเปรียบได้นั้น ผ่านมาวันนี้กว่า 4-5 ปีแล้ว รัฐควบคุมได้ตามเจตนารมย์ของการจัดตั้งกฎหมายบ้างไหม บรรดาเจ้าแม่เงินกู้นอกระบบทั้งหลายแหล่หมดไปจากสารระบบหรือยัง วันวานยังเห็นรัฐบาลชุดนี้ออกมาตีฆ้องร้องป่าวให้ลูกหนี้นอกระบบได้เข้ามาจดแจ้งเพื่อท่านจะดำเนินการประนอมหนี้กับเจ้าพ่อเจ้าแม่เงินกู้นอกระบบทั้งหลายกันอยู่เลย
หรือบรรดาผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบ อบ นวดทั้งหลายแหล่ที่มีการควบคุม ออกใบอนุญาตกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายมานับทศวรรษแล้ว หน่วยงานที่ออกใบอนุญาตและกำกับดูแลสามารถควบคุมดูแลให้เป็นไปตามกฎหมายได้หรือยัง กรณีซานติก้า ผับ พระราม 9 เมื่อ 5-6 ปีก่อน และล่าสุดกรณี Mountain B ที่สัตหีบนั้นน่าจะเป็นคำตอบที่ดีได้ หรือกรณียิงกันสนั่นนับ 100 นัด ที่ลานสถานบันเทิงที่อุบลราชธานีนั้น
ล้วนเป็นคำตอบได้ดีว่า การควบคุมดูแลและกำกับดูแลธุรกิจสีเทาเหล่านี้ของไทยเป็นอย่างไร?
ที่สำคัญความพยายามผลักดัน พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ที่สอดไส้การเปิดบ่อนกาสิโนเอาไว้ด้วยนั้น ไม่ว่ารัฐจะอ้างเหตุผลให้ตายยังไง เป้าหมายสุดท้ายของการตั้งกาสิโนหรือบ่อนการพนันที่ว่านี้ ก็คือ การกรุยทางไปสู่การผุดกาสิโนออนไลน์ หรือบ่อนการพนันออนไลน์ที่กำลังเป็นประเด็นของสังคมอยู่ในเวลานี้อยู่นั่นแหล่ะ
ไม่ต้องมาออกตัวหรอกว่า รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย เตรียมวางกรอบกฎหมายเข้มข้นเอาไว้แล้ว ไม่ให้มีการสอดไส้จัดตั้งบ่อนกาสิโนออนไลน์ได้แน่ หรือหากจะมีก็จะมีการควบคุมดูแลอย่างเข้มงวด จะให้มีการจัดตั้งบ่อนพนันหรือกาสิโนในหัวเมืองท่องเที่ยวเป็นหลักเท่านั้น จะมีการจัดโซนนิ่ง ควบคุมการจัดตั้งอะไรนั้น
อมพระมาทั้งวัดก็เชื่อไม่ได้หรอก ทุกวันนี้ขนาดรัฐยังไม่ได้ออกใบอนุญาตให้มีการเปิดบ่อนพนันอย่างถูกฎหมาย ห้ามเปิดสถานบริการ สถานค้าประเวณีที่ถูกฎหมาย ก็ไม่รู้มีการผุดกันมาเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว หากอนุญาตให้เปิดอย่างถูกกฎหมายเมื่อไหร่ ต่อให้กฎหมายหน้าไหนก็ควบคุมดูแลบ่อนการพนันเหล่านี้ให้อยู่ในกฎในกรอบกฎหมายอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น
และยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงการออกมาตรการป้องปราม ห้ามเด็กๆ เยาวชนเข้าไปเกี่ยวข้องกับบ่อนการพนัน กาสิโนที่ผิดกฎหมายเหล่านั้น (แม้จะกำหนดเก็บค่าตั๋วคนไทยเข้ากาสิโนรายละ 2,000 บาท หรือมากกว่าก็ตาม) ก็ในเมื่อมันถูกดึงขึ้นมาบนดินถูกกฎหมายแล้ว มีหรือที่เจ้าหน้าที่รัฐจะลงเข้าไปกำกับดูแลไม่ให้มีการเปิดให้บริการนอกลู่นอกทาง ขนาดที่เป็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันในวันนี้ ยังทำไม่ให้สักอย่างไม่ว่าจะน้ำกระท่อม กัญชาเสรี หรือแม้แต่บ่อนพนันผิดกฎหมายทั้งหลายที่มีการผุดขึ้นมาท่วมเมือง
เพราะสิ่งที่เจ้าพ่อบ่อนทั้งหลายต้องการนั้น ก็แค่ “ใบเบิกทาง” เพื่อไว้แปะเป็นยันต์กันหมา(ต๋า) ข้างบ่อนเท่านั้น ที่เหลือนั้น คือการเดินเกมดำเนินการจัดตั้งและขยายเครือข่ายนอกกฎหมายล้านเปอร์เซ็นต์ รวมทั้งกาสิโนออนไลน์ที่เชื่อแน่ว่าจะต้องผุดตามมาอย่างแน่นอน เพราะสิ่งเหล่านี้มันฝังอยู่ในสายเลือด (พนัน) อย่างพวกเรา
ไม่เชื่อก็วางเดิมพันกันมาเลยท่านนายกฯ เศรษฐา (เราจะเป็นเศรษฐี)