ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส. สั่งการให้ พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา รองผบก.ปทส., พ.ต.อ.อภิสัณฐ์ ไชยรัตน์ ผกก.5.บก.ปทส. และ พ.ต.ท.ปฐมพงศ์ ทองจำรูญ รอง ผกก.5 บก.ปทส. นำกลังเข้าตรวจสอบที่บริษัทแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ภายในซอยเรียงปรีชา ถนนประชาราษฏร์ แขวงและเขตบางซื่อ กทม. หลังสืบสวนทราบว่า โรงงานดังกล่าวน่าจะมีกากแคดเมียมซุกซ่อนไว้
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบภายในโกดังพบว่า มีถุงบิ๊กแบ็คภายในบรรจุ กากแคดเมียม ประมาณ 190 ถุง น้ำหนักรวมกว่า 300 ตัน ขณะตรวจค้นมี นางวรรณา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 65 ปี ภรรยาของนายเจษฏา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 64 ปี หุ้นส่วนของบริษัทแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ที่ จ.สมุทรสาคร ยอมรับเป็นเจ้าของโรงงานและเป็นผู้ครอบครองกากแคดเมียมดังกล่าว ซึ่งจากการสอบสวนนางวรรณา ให้การยอมรับว่า กากแคดเมียมที่พบขนมาจากโรงงานเจแอนด์บี เมทัล ที่สมุทรสาคร และมาจากโรงงานเดียวกันนำมาฝากไว้ โดยโกดังแห่งนี้เป็นโกดังของตน และกำลังจะนำไปเก็บไว้ที่โกดังของบริษัทที่สมุทรสาคร แต่มาเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน ส่วนตัวนายเจษฏา สามี หลังเกิดเรื่องนี้ขึ้นยังติดต่อไม่ได้ ไม่เจอกันเลย จึงยังไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน
เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดกากแคดเมียมไว้เป็นของกลาง พร้อมแจ้งข้อหาครอบครองวัตถุอันตรายไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บก.ปทส. ดำเนินคดีต่อไป
ผลจากการขยายผลตรวจสอบและยึดกากแคดเมียมที่หลุดรอดออกมาจากพื้นที่ฝังกลบที่จังหวัดตาก ก่อนจะถูกขุดและขายออกไปยังพื้นที่ต่าง ๆ กว่า 14,000 ตัน โดยในขณะนี้ยังสูญหายไปอีกกว่า 5,300 ตันนั้น ทำให้หลายฝ่ายออกมาตั้งข้อสังเกตุถึงความหละหลวมในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งอุตสาหกรรมจังหวัด ไล่ไปจนถึงกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ที่ต้องทำหน้าที่ควบคุมการกำจัดกากสารพิษเหล่านี้ ที่ปล่อยปละละเลยไม่มีการตรวจสอบ และกำกับดูแล ปล่อยให้มีการขุดเอากากแร่ที่มีการฝังกลบไปแล้วกลับขึ้นมาขายกันเอิกเกริกเช่นนี้ ทำให้ประชาชนคนไทยในหลานจังหวัดที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ พลอยได้รับความเสี่ยงไปด้วย จึงน่าจะมีการลงโทษข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้กันทั้งหมด