ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 เมษายน นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ผลการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่มีมติชี้มูลความผิด นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ กรรมการบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียมจำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจ กับพวก เอื้ออำนวยให้บริษัท โรลส์-รอยซ์ เอ็นเนอร์จี ซิสเต็ม ได้เข้าทำสัญญากับบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ในการจัดซื้ออุปกรณ์ Feed Gas Turbine Compressor สำหรับแท่นผลิตกลางโครงการอาทิตย์ (Project PTT Arthit)
ทั้งนี้ คดีนี้สืบเนื่องจากกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกา ได้สืบสวนสอบสวนกรณีการจ่ายเงินสินบนของบริษัท โรลส์-รอยซ์ (สหราชอาณาจักร) (Rolls-Royce plc) และบริษัทในเครือ ให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐในหลายประเทศ และในการทำข้อตกลงชะลอการฟ้อง (Deferred Prosecution Agreement) ระหว่างสหรัฐอเมริกากับบริษัท โรลส์-รอยซ์ (สหราชอาณาจักร) ปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินโครงการอาทิตย์ของบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ซึ่งบริษัท โรลส์-รอยซ์ เอ็นเนอร์จี ซิสเต็ม ได้จ้างตัวกลาง และค่าคอมมิชชั่นที่จ่ายให้ตัวกลางส่วนหนึ่ง ถูกนำไปใช้เป็นสินบนแก่เจ้าหน้าที่บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เพื่อให้ได้เป็นผู้มีสิทธิเข้าทำสัญญาโครงการดังกล่าว คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงยกเหตุควรสงสัยขึ้นดำเนินการไต่สวน โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน
จากการไต่สวนปรากฏว่า ระหว่างปี พ.ศ.2547-2551 บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการก่อสร้างแท่นผลิตกลางโครงการอาทิตย์ ตั้งอยู่บริเวณอ่าวไทย นอกชายฝั่งจังหวัดสงขลา และมีการจัดหา Feed Gas Turbine Compressor (เครื่องอัดอากาศแบบขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์กังหันที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง สำหรับใช้ในการป้อนก๊าซเข้าสู่กระบวนการผลิต) จำนวน 2 เครื่อง วงเงิน 27,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,000 ล้านบาท) โดยคณะกรรมการบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) มีมติมอบหมายให้คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจ ประกอบด้วย นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ และ นายอนุชา สิหนาทกถากุล เป็นผู้มีอำนาจในการอนุมัติ
ซึ่งในการดำเนินการจัดหา นายเผ่าเผด็จ วรบุตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่สายงานพื้นที่นอกชายฝั่ง (TOA) ได้กระทำการเร่งรัดเพื่อให้มีการออกหนังสือเชิญบริษัทที่จะร่วมประมูล ซึ่งรวมถึงบริษัท โรลส์-รอยซ์ เอ็นเนอร์จี ซิสเต็ม ก่อนที่คณะกรรมการจัดหาของบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นชอบ ประกอบกับในการพิจารณาอนุมัติการสั่งซื้อของคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจ ได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้สั่งซื้อ โดยมีข้อคิดเห็น ให้จัดทำตัวเลขเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายเพื่อพิจารณาว่าผู้เข้าร่วมการประมูลรายใดเป็นผู้เสนอราคาดีที่สุดและเป็นประโยชน์ต่อบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) สูงสุด เสนอให้ที่ประชุมพิจารณาอีกครั้ง
แต่ นายมารุต มฤคทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่และเลขานุการ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กลับเร่งรัดรายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทว่า คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจมีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติการสั่งซื้อ Feed Gas Turbine Compressor จากบริษัท โรลส์-รอยซ์ เอ็นเนอร์จี ซิสเต็ม ทั้งที่คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจมีมติเพียงเห็นชอบในหลักการเท่านั้น ยังไม่มีการดำเนินการตามข้อคิดเห็นของคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจแต่อย่างใด ขณะที่ นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ และ นายอนุชา สิหนาทกถากุล ซึ่งเป็นคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจและอยู่ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ก็ไม่ได้โต้แย้ง หรือชี้แจงรายละเอียดของมติคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจแต่อย่างใด พฤติการณ์จึงเป็นการมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยให้บริษัท โรลส์-รอยซ์ เอ็นเนอร์จี ซิสเต็ม เป็นผู้มีสิทธิเข้าทำสัญญากับบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ในการสั่งซื้อ Feed Gas Turbine Compressor จำนวน 2 เครื่อง มูลค่า 24,663,303 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 900,000,000 บาท)
โดย นายเผ่าเผด็จ วรบุตร ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากบริษัท โรลส์-รอยซ์ เอ็นเนอร์จี ซิสเต็ม ซึ่งจ่ายเงินค่าคอมมิชชั่นเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของบริษัทแควนตั้มเม็ค (ประเทศไทย) จำกัด ในประเทศสิงคโปร์ และโอนต่อไปยังบุคคลใกล้ชิดจำนวนรวม 300,543 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 10,000,000 บาท) อันเป็นการรับทรัพย์สินที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วมีมติ ดังนี้
1. การกระทำของ นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ นายอนุชา สิหนาทกถากุล และ นายมารุต มฤคทัต มีมูลความผิดทางอาญา ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 8 และมาตรา 11 และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 และการกระทำของนายมารุต มฤคทัต มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
2. การกระทำของนายเผ่าเผด็จ วรบุตร มีมูลความผิดทางอาญา ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6 มาตรา 8 และมาตรา 11 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 5 และมาตรา 12 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5 (1) และ (2) ประกอบมาตรา 60 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 103 ประกอบมาตรา 122 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 128 ประกอบมาตรา 169) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
3. ส่วนการกระทำของผู้ถูกกล่าวหารายอื่น จากการไต่สวนไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะฟังได้ว่าได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
สำหรับ นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ ได้ถึงแก่ความตายแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป จึงให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบ ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญา และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณีต่อไป
ทั้งนี้ ให้แจ้งอัยการสูงสุดดำเนินการร้องขอให้ศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี ริบทรัพย์สินรายการเงินสินบนจำนวนรวม 300,543 ดอลลาร์สหรัฐ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 83 และมาตรา 84 ประกอบมาตรา 93