บมจ.เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน “BWG” และ บมจ. เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ “ETC” ลงนามในสัญญาร่วมทุนกับ GWTE บริษัทย่อย บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ “GULF” เพื่อร่วมพัฒนาโรงไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม จำนวน 12 โครงการ และโรงงานผลิตเชื้อเพลิงจากขยะอุตสาหกรรม จำนวน 3 โครงการเป็นที่เรียบร้อย หนุนพอร์ตกำลังผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมตามสัญญาแตะ 112.50 เมกะวัตต์ สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐในการแก้ไขปัญหาขยะอุตสาหกรรม ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามนโยบาย Bio-Circular-Green Economy “BCG”
คุณณัฐพรรณ เหลืองวิริยะ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาธุรกิจ และสื่อสารองค์กร บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG เปิดเผยว่า ภายหลังจากคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม และโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงจากขยะอุตสาหกรรม ร่วมกับ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ “GULF” ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2567 บริษัทฯ ได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นในบริษัท เก็ท กรีน พาวเวอร์ จำกัด “GGP” และ บริษัท เซอร์คูล่าร์ แคมป์ จำกัด “CC” กับ บริษัท กัลฟ์ เวสท์ ทู เอ็นเนอร์จี โฮลดิ้งส์ จำกัด “GWTE” ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ “GULF” ร่วมพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม โดยแบ่งออกเป็นโรงไฟฟ้า 12 โครงการ ภายใต้ “GGP” และโรงงานผลิตเชื้อเพลิงจากขยะอุตสาหกรรม จำนวน 3 โครงการ ภายใต้ “CC” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ หลังจากการดำเนินธุรกรรมดังกล่าวแล้วเสร็จ จะส่งผลให้กลุ่ม BWG จะมีโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟภ. ภายใต้รูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) เป็นจำนวนทั้งสิ้น 15 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 112.50 เมกะวัตต์ ซึ่งสอดคล้อง กับนโยบายของทางภาครัฐในการแก้ไขปัญหาขยะอุตสาหกรรมให้กับประเทศ
“BWG ถือเป็นผู้ผลิตเชื้อเพลิง SRF รายใหญ่ที่สุดในประเทศในปัจจุบัน ซึ่งมีการขายขยะเชื้อเพลิง SRF ให้ ETC ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าในเครือ ซึ่งจะทำให้ BWG มีรายได้ที่มั่นคงอย่างยั่งยืน เนื่องจาก ETC มีสัญญา PPA ยาวนานถึง 20 ปี เป็นการเติบโตเสริมศักยภาพการเติบโตของธุรกิจให้กับ BWG ด้วย”
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน BWG มีโรงผลิตขยะเชื้อเพลิง SRF อยู่แล้วจำนวน 3 โรง ซึ่งมีกำลังผลิตรวมประมาณ 225,000 ตันต่อปี ป้อนให้กับโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมในเครืออยู่ที่ประมาณ 160,000 ตันต่อปี เพื่อผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าตามสัญญารวม 16.5 เมกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมถือเป็นการช่วยลดปริมาณขยะของประเทศ และช่วยลดพื้นที่การฝังกลบขยะสู่การสร้างแหล่งเชื้อเพลิงทดแทนที่ยั่งยืนและมั่นคง ซึ่งสามารถตอบโจทย์ด้าน Zero Waste Landfill ตามนโยบาย Bio-Circular-Green Economy (BCG)