ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่มีชื่อว่า น.ส.ชญาดา ตระกูลรุ่งโรจน์ อดีตพนักงาน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีดีกรี “นิติศาสตร์” จากรั้วพ่อขุน ออกมาร้องขอความเป็นธรรมมาเป็นเวลากว่าครึ่งปี
ที่มาที่ไปเรื่องนี้ คือ น.ส.ชญาดาเห็นความไม่ชอบมาพากลของการทำบัญชีแจ้งยอดหนี้กับใบประทวนโครงการรับจำนำข้าว ระหว่าง “อ.ค.ส.” และ“อ.ต.ก.” ที่ส่งเข้ามายังธ.ก.ส. มีความผิดปกติ คือ..
..ยอดหนี้ซ้ำซ้อนกัน 5-6 จังหวัด มากกว่า 150 ล้านบาท และเป็นตัวเลขในรอบเดือนเดียวที่มีการสุ่มตรวจ..เมื่อเป็นเช่นนั้น เธอในฐานะพนักงานระดับปฏิบัติหน้าที่ จึงไม่ยอมเช็นชื่อรับรองให้ผ่าน!
เนื่องจากตัวเลขหนี้ซ้ำซ้อนกันเหล่านี้ มีการนำไปรวมรวมเป็นมูลค่าความเสียหาย ก่อนส่งตรงไปยังผู้ใหญ่คนหนึ่งในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อใช้เป็นข้อมูลเอาผิดรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ผลของการ “หัวแข็ง” ของ น.ส.ชญาดาที่ไม่เซ็นชื่อรับรองการแจ้งหนี้ซ้ำซ้อน ทำให้เธอถูกบีบและถูกกลั่นแกล้งต่างๆ นานา จากคนใน ธ.ก.ส. และท้ายที่สุดเธอถูกเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม
น.ส.ชญาดาต่อสู้แบบหลังพิงฝา! โดยมีการยื่นฟ้องอดีตผู้จัดการ ธ.ก.ส. รวมทั้งผู้บริหาร ธ.ก.ส.อีกหลายคน กรณีความผิดปกติทางบัญชีในโครงการรับจำน้ำข้าว แต่ศาลชั้นต้นยกฟ้องโดยที่ยังไม่มีการไต่ส่วนพยาน แล้วเธอยื่นอุทธรณ์ตามกระบวนการทางกฎหมาย
ต่อมาวันที่ 6 มี.ค. 62 ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์กรณีดังกล่าว และมีคำสั่งกลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น โดยชี้ว่า “คดีมีมูลและให้ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้อง”
น.ส.ชญาดาเปิดเผยว่า ช่วงที่มีหน้าที่ทำเอกสารโครงการจำนำข้าว ได้เห็นชัดเจนว่า มีการแจ้งหนี้ไม่ถูกต้องของหน่วยงานรัฐ และพบวงเงินโอนออกผิดปกติ อาจจะส่อไปในทางทุจริต จึงโต้แย้งผู้บังคับบัญชาและคัดค้านการแจ้งหนี้ แต่ผลของการกระทำครั้งนั้น ตนถูกแขวนตำแหน่ง 3 ปี ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ป่วยทางจิต มีกระบวนการจะพาไปหาแพทย์จิตเวช นอกจากนี้ยังมีการข่มขู่คุกคาม แล้วถูกเลิกจ้างในภายหลัง
“เรื่องการแจ้งยอดหนี้ที่มีปัญหาในโครงการรับจำนำข้าว ถ้าดิฉันไม่ลุกขึ้นมาโต้แย้ง จะถือว่าเป็น 1 ในผู้ร่วมกระทำผิดด้วย เพราะเป็นแค่พนักงานตัวเล็กๆ ดังนั้น การคัดค้านและการลุกขึ้นมาต่อสู้ เพื่อบอกให้สังคมรับรู้ว่าไม่ยอมกระทำความผิดด้วย” น.ส.ชญาดา กล่าว
นี่คือหนึ่งในตัวอย่างของโครงการรับจำนำข้าว ที่มีความไม่ชอบมาพากล! เกี่ยวกับตัวเลขความเสียหาย เพื่อต้องการเอาผิดรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้จมดิน!
แต่ช่วงต้นเดือนก.พ.62 มีข้อมูลบางอย่างโผล่! ขึ้นมาอีก เกี่ยวกับการบริจาคเงิน “โต๊ะจีน” โต๊ะละ 3 ล้านบาท เพื่อระดมทุนของพรรคการเมืองดัง! เมื่อมีชื่อ “หจก.” แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในจังหวัดภาคกลางตอนบน มีรายได้เมื่อปี 59-60 เพียงไม่กี่หมื่นบาท แต่มาเป็นคู่สัญญาซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐบาล (โครงการรับจำนำข้าว) มูลค่ากว่า 150 ล้านบาท และมีชื่อบริจาคโต๊ะจีน 3 ล้านบาท ด้วย!
ใครเกี่ยวข้องกับการประมูลข้าวสารในสต็อกรัฐบาล ยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อนำข้าวสารคุณภาพดี ไปมั่วว่าทำเป็นอาหารสัตว์ หรือเอาข้าวสารที่คนยังกินได้ แต่อ้างว่านำไปเผาทำเป็นชีวมวลผลิตพลังงาน
โปรดรับรู้ไว้ด้วยว่า..ถ้ารัฐบาลประยุทธ์หมดอำนาจ! และ “ฟ้าเปิด” เมื่อไหร่! ใครมั่วนิ่มอ้างว่าเอาข้าวสารคุณภาพดีไปผสมเป็นอาหารสัตว์ และทำชีวมวล
แต่สุดท้ายนำข้าวสารเหล่านี้กลับมาเวียนเทียน! ขายให้คนกิน ฟาดกำไรพุงปลิ้น!
รับประกันไม่รอดสันดอน! ถูกเช็คบิลย้อนหลังแน่นอน!!
โดย..เสือออนไลน์