ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน (Rights Offering: RO) โดยได้รับเงินจำนวนทั้งสิ้น 13.2 พันล้านบาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ เป็นการเสนอให้ผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งมีสิทธิซื้อหุ้นใหม่ในอัตรา 4.5 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ในราคาเสนอขาย 4.5 บาทต่อหุ้น จำนวนไม่เกิน 2,926,141,881 หุ้น
การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จากนักลงทุนทั้งรายย่อย และนักลงทุนสถาบันมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ (oversubscribed) สะท้อนให้เห็นถึงการสนับสนุน และความเชื่อมั่นจากนักลงทุน อีกทั้งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนคาดการณ์มูลค่าที่แท้จริงของบริษัทฯ สูงกว่าราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน โดย ณ วันสุดท้าย ของการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน หุ้น BTS มีราคาปิดที่ 4.54 บาทต่อหุ้น ยังคงต่ำกว่าราคาปิด ณ วันที่ 6 ธันวาคม 2562 ที่ 14.20 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาปิดสูงสุดของหุ้น BTS ก่อนการระบาดของโรค COVID ถึง 70%
โดยบริษัทฯ จะนำเงินจากการเพิ่มทุนไปใช้ในการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทร่วม ได้แก่ บริษัท ร็อคเทค โกลบอล จำกัด (มหาชน) (ROCTEC) และ บริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (RABBIT) และส่วนที่เหลือ บริษัทฯ จะนำไปชำระหนี้ สำหรับการเพิ่มทุนของบริษัทฯ ในครั้งนี้ จะเป็นการเสริมฐานะการเงินของบริษัทฯ ให้แข็งแกร่งมากขึ้น หลังจากที่บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกทม.ได้ชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยค้างชำระ สำหรับหนี้งานระบบ (E&M) ของเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ส่วนขยายที่ 2) แก่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC) จำนวน 23 พันล้านบาท ในเดือนเมษายน 2567 นอกจากนี้ ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาพิพากษาให้ กทม. และเคที ร่วมกันชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) จำนวนประมาณ 14 พันล้านบาท ซึ่งจะต้องชำระภายในวันที่ 22 มกราคม 2568 การชำระหนี้เหล่านี้ ร่วมกับเงินสดรับจากการเพิ่มทุนจะช่วยเสริมสร้างฐานทุนของบริษัทฯ ให้แข็งแกร่ง และลดภาระหนี้สินของบริษัทฯ ต่อไป