ปัญหาการลักลอบนำเข้าเนื้อหมู และผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนอื่นๆของหมูจากต่างประเทศ โดยหลบเลี่ยงภาษี ที่สร้างความเสียหายให้กับอุตสาหกรรมหมูในประเทศอย่างหนัก เนื่องจากหมูเถื่อนที่ลักลอบนำเข้ามีราคาถูกกว่าของไทยหลายเท่าตัว
โดยราคาหมูชำแหละจากประเทศกลุ่มยุโรปกว่า 10 ประเทศ อาทิ บราซิล, สเปน, อาร์เจนตินา และแคนาดา มีราคาต่ำเพียง 50-60 บาท/กิโลเท่านั้น ส่งผลให้ผู้เลี้ยงหมูได้รับผลกระทบอย่างหนัก เพราะไม่อาจจะสู้ราคาได้เนื่องจากต้นทุนการเลี้ยงของไทยอยู่ที่ 80-90 บาทต่อกิโลกรัมไปแล้ว
เกษตรกรฟาร์มหมูรายย่อยทั่วประเทศได้เรียกร้องให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ได้วิ่งปราบปรามขบวนการลักลอบนำเข้าหมู่เถื่อนจากต่างประเทศเหล่านี้อย่างถึงพริกถึงขิงมาตั้งแต่ปี 2565 โน้นแล้ว หลังมีข่าวฟาร์มหมูรายใหญ่ของประเทศมีการกักตุนผูกขาด และอยู่เบื้องหลังการปั่นราคาหมูในท้องตลาด
แต่เพิ่งจะมีการตื่นตัวมาดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ถึงขั้นไล่กวดจับ ไล่ยึดทรัพย์ขบวนการนำเข้าหมูเถื่อนที่ว่านี้ หลังนายกฯ “เศรษฐา ทวีสิน” ฟิวส์ขาดต่อมาตรการปราบปรามที่ดำเนินการไปอย่างล่าช้าก่อนหน้านี้
*ย้อนรอยหมูแพง ก่อนหมูเถื่อนทะลัก
ในช่วงปี 2564-65 ที่ราคาหมูชำแหละในท้องตลาดถึงกิโลละ 200-250 บาท และมีแนวโน้มจะทะยานไปถึง กก.ละ 300 บาทด้วยซ้ำ ห้วงเวลานั้นเกษตรกรฟาร์มหมูรายย่อยทั่วประเทศได้รวมตัวกันเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเข้ามาแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในเรื่องของต้นทุนการเลี้ยงที่สูงลิบลิ่ว พร้อมทั้งระบุเบื้องหลังการปั่นราคาหมูในท้องตลาด นอกจากเกิดการระบาดของโรคระบาดอหิวาต์สุกร ASF แล้ว ยังเกิดจากฟาร์มหมูรายใหญ่ของกลุ่มทุนธุรกิจ มีความพยายามจะ “กินรวบ” ตลาดนี้ครบวงจร
*จากหมูแพงถึงโอกาสของ “หมูเถื่อน”
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.ก้าวไกล ได้เคยอภิปรายแฉรัฐบาลเล่นละครตบตาคนทั้งประเทศ ปกปิดโรคอหิวาต์แอฟริกาในหมูู (ASF) ระบาดในไทย ทำหมูราคาแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยระหว่างการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 เมื่อวันที่ 17 ก.พ.65 นายปดิพัทธ์ ได้อภิปรายว่า รัฐบาลชุดนี้มีการทุจริตคอรัปชัน ด้วยการปกปิดข้อมูลการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) จนทำให้เกิดสถานการณ์ "ของแพง ค่าแรงถูก"
โดยราคาเนื้อหมูแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ เริ่มต้นจากเดือน ต.ค. 2564 หมูเนื้อแดงจากกิโลกรัมละ 125 บาท ขยับทุกเดือน จนถึง ม.ค.2565 เพิ่มเป็นกิโลกรัมละ 190-220 บาท หมูสามชั้น 260-300 บาท สวนทางกับดัชนีราคาเนื้อหมูของโลก ราคาหมูเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกระทั่งมาถึงวันที่ 11 ม.ค.65 ซึ่งเป็นวันที่ประเทศไทยยอมรับว่า มีโรคระบาด ASF ในไทย และมีการตรวจสอบเนื้อหมูในห้องเย็นต่าง ๆ ราคาจึงเริ่มปรับลดลง ซึ่งหากไม่มีการตรวจสอบ และเปิดเผยอาจทำให้ราคาเนื้อหมูทะลุกิโลกรัมละ 300 บาท
ที่สำคัญตั้งแต่กลางเดือน ม.ค.2565 ที่มีการตรวจพบหมูในห้องเย็นแล้ว 1,366 แห่ง มีหมูเก็บอยู่ 24.6 ล้านกิโลกรัม เป็นอย่างน้อย "ความเสียหายย่อยยับที่เกิดขึ้นในฟาร์มขนาดเล็ก ทุนใหญ่กลับไม่กระทบกระเทือนอะไร มีหมูขายไม่อั้น กำไรมหาศาล ส่งออกทะลุเป้า ตอนนี้ทุกคนต้องวิ่งหาหมูจากทุนใหญ่ เพราะไม่มีหมูรายย่อยขายแล้ว กินรวบกันเบ็ดเสร็จ"
ข้อมูลที่อดีต ส.ส.ก้าวไกล ตีแผ่ออกมาในครั้งนั้น สะท้อนให้เห็นว่า ขณะที่สถานการณ์ราคาเนื้อหมูในท้องตลาดสูงลิ่วเป็นประวัติการณ์ กลุ่มพ่อค้าหัวใสได้มีการนำเข้าหมูชำแหละจากต่างประเทศเข้ามากักตุนห้องเย็น ฟันกำรี้กำไรกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันแล้ว โดยมีกลุ่มทุนธุรกิจเจ้าของห้างค้าปลีก ค้าส่งยักษ์สั่งซื้อเนื้อหมูจากขบวนการนำเข้าหมูเถื่อนเหล่านี้ไปจำหน่ายยังห้างค้าปลีกค้าส่งของตนด้วย
แม้จะอ้างว่า ในช่วงที่ห้างสั่งซื้อเนื้อหมูและตับหมูจากบริษัทนำเข้าอื้อฉาวรายดังกล่าวมาจำหน่าย บริษัทผู้นำเข้าได้สำแดงเอกสารที่ยืนยันว่า ผู้ขายมีเอกสารประกอบการนำเข้าที่ถูกต้องทั้งหมด เป็นเนื้อหมูที่ได้มาตรฐานต่างๆ ตามที่กำหนดและตรวจสอบย้อนกลับได้ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ใบรับรองมาตรฐานที่ว่า เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน
เป็นเอกสารใบรับรองที่ผู้นำเข้านำมาแสดงเอง หรือเป็นใบรับรองที่ออกโดยกรมปศุสัตว์หรือไม่? หาไม่แล้ว บริษัทจะยุติคำสั่งซื้อจากบริษัทดังกล่าวทั้งหมดในภายหลังทำไม หลังจากตรวจสอบพบว่า เป็นเนื้อด้อยคุณภาพ อันเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นว่า ข้ออ้างที่ว่ามีเอกสารสำแดงว่า เป็นเนื้อหมูที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ตรวจสอบได้นั้น สุดท้ายแล้วกลับ "โป๊ะแตก" ว่า เป็นเนื้อด้อยคุณภาพจนห้างต้องสั่งยกเลิกออเดอร์ทั้งหมด
แม้แถลงการณ์ของฝ่ายสื่อสารองค์กร ของแมคโคร จะยืนยันว่า บริษัทไม่ได้สั่งเนื้อหมูและตับหมูจากบริษัทดังกล่าวมาตั้งแต่กลางปี 65 หลังจากตรวจสอบพบว่า เนื้อหมูที่บริษัทส่งให้เป็นเนื้อด้อยคุณภาพ ไม่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐาน และได้ยุติการสั่งซื้อตับหมูไปทั้งหมดด้วย
แต่แถลงการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดคำถามตามมาทันทีว่า “ห้างแมคโครดอดไปทำสัญญาสั่งซื้อหมูและตับหมูจากผู้นำเข้าเหล่านี้ได้อย่างไร ในเมื่อรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา ไม่เคยมีการอนุมัติการนำเข้าหมูชำแหละใด ๆ จากต่างประเทศมาก่อน แม้สถานการณ์ราคาหมูในประเทศจะมีราคาแพงสุดกู่อย่างไร”
เพราะในมาตรการแก้ไขปัญหาหมูราคาแพงของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา นั้นคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่เคยไฟเขียวให้มีการนำเข้าหมูชำแหละ หรือซากหมูจากต่างประเทศเพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาราคาหมูแพงและขาดแคบนในประเทศแต่อย่างใด
หากมีการอนุมัตินำเข้ามาจริง กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) จะสั่งเชคบิลและตามไปขุดคุ้ยข้อมูลการนำเข้าในอดีตของกลุ่มพ่อค้าหัวใสเหล่านี้หรือ?
*จากหมูเถื่อน...สู่ห้างแมคโคร?
หากทุกฝ่ายจะย้อนไปพิจารณามาตรการแก้ไขปัญหาหมูแพงของรัฐบาล “พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา” ตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2565 ที่มีการพิจารณาในเรื่องดังกล่าว ดังที่ นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงต่อสื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาลนั้น ระบุว่า
ที่ประชุม ครม.ได้เห็นชอบมาตรการแก้ไขปัญหาหมูแพง 3 ระยะ ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะทำให้ราคาเนื้อหมูกลับมาสู่ภาวะปกติได้ ทั้งเพื่อการลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน และระยะยาว เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทุกขนาด ให้กลับมาประกอบอาชีพ สามารถสร้างงาน สร้างรายใด้ในครัวเรือน ประกอบด้วย
1. มาตรการเร่งด่วน ได้แก่ การห้ามส่งออกหมูมีชีวิตเป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค. 65 ถึง วันที่ 5 เม.ย. 65 เพื่อเพิ่มปริมาณเนื้อหมูภายในประเทศ และกระทรวงพาณิชย์จะพิจารณาตามสถานการณ์ว่าควรให้มีการต่ออายุหรือไม่ โดยจะมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตัวเลขเบื้องต้นในปี 2564 มีการเลี้ยงหมูป้อนเข้าสู่ตลาด ประมาณ 19 ล้านตัว บริโภคในประเทศ 18 ล้านตัว ส่งออกไปต่างประเทศประมาณ 1 ล้านตัว
การช่วยเหลือด้านราคาอาหารสัตว์ โดยเฉพาะส่วนที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เช่น การงดเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมหรือภาษี การจัดสินเชื่อพิเศษของ ธ.ก.ส. เพื่อให้เกษตรกรที่สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขได้กลับมาเลี้ยงใหม่ในพื้นที่ความเสี่ยงต่อโรคระบาดต่ำ การตรึงราคาจำหน่ายที่เหมาะสมและสอดคล้องกับต้นทุนที่เกิดขึ้น
การเร่งสำรวจภาพรวมสถานการณ์การผลิตสุกร เพื่อกำหนดพื้นที่เป้าหมายและมาตรการที่เหมาะสม พร้อมเพิ่มกำลังการผลิตแม่สุกรทดแทน โดยให้เกษตรกรใช้สุกรขุนตัวเมียมาใช้ทำพันธุ์ชั่วคราว เร่งรัดเจรจาฟาร์มรายใหญ่ในการกระจายพันธุ์และลูกสุกรขุนให้กับรายย่อยและเล็กที่ต้องการกลับเข้ามาสู่ระบบใหม่ กำหนดโซนเลี้ยงและออกมาตรการบังคับใช้อย่างเหมาะสมเพื่อควบคุมโรค และเร่งรัดการวิจัยพัฒนาวัคซีนป้องกันโรค
2. มาตรการระยะสั้น ได้แก่ การส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ การขยายกำลังผลิตแม่สุกร สนับสนุนศูนย์วิจัยและบำรุงสัตว์ ในสังกัดกรมปศุสัตว์และเครือข่ายคู่ขนานกับฟาร์มเกษตรกรและภาคเอกชน เร่งเดินหน้าการศึกษาวิจัยยาและสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อลดความสูญเสียจากโรคระบาด
3. มาตรการระยะยาว กระทรวงเกษตรฯ จะผลักดันการยกระดับมาตรฐานฟาร์มของเกษตรกรเพื่อป้องกันโรคระบาด ส่งเสริมให้ปรับปรุงเป็นฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม (GFM) มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่ามาตรฐานฟาร์ม GAP ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรกลับมาเลี้ยงสุกรใหม่และเพิ่มปริมาณการผลิตหมูให้เพียงพอต่อความต้องการบริโภค ทั้งยังจะมีการสนับสนุนการเลี้ยงโดยจะมีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กู้ยืมจาก ธ.ก.ส. ในโครงการสานฝันสร้างอาชีพ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์ เร่งขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยเพื่อช่วยเหลือให้เข้าถึงแหล่งสินเชื่อได้ง่ายและสะดวกรวดเร็ว รวมทั้งการรวมกลุ่ม สนับสนุน และหาตลาดในราคาที่เกษตรกรอยู่ได้อย่างดี
เพื่อพิจารณาถึงมาตรการแก้ไขปัญหาหมูแพงและขาดแคลนตามมติ ครม.ข้างต้น ประกอบกับสิ่งที่แมคโครได้แถลงต่อสาธารณชนล่าสุดนั้น จึงก่อให้เกิดคำถามตามมา การที่บริษัทดอดไปทำสัญญาสั่งซื้อหมูนำเข้าจากบริษัทผู้นำเข้าเหล่านี้ เพื่อจำหน่ายในห้างแมคโคร กระจายไปยังเครือข่ายห้างแมคโครทั่วประเทศไปจนถึงมือประชาชนนั้น เป็นการดำเนินการที่ “ถูกต้อง” ตามกฎหมายอย่างไร?
การนำเข้าหมูชำแหละหรือซากหมูชำแหละตลอดจนตับหมูเหล่านี้ ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานใดหรือ
เรื่องนี้ กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และโดยเฉพาะคณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์หรือ Pig Board คงต้องเข้ามาตรวจสอบแล้วว่า มีการดำเนินการไปจริงหรือไม่ และมีปริมาณการนำเข้าและสั่งซื้อเข้ามาจำหน่ายในห้างมากน้อยเพียงใด
ในเมื่อกระทรวงเกษตรฯ และคณะรัฐมนตรี ยังไม่เคยอนุมัติให้มีการนำเข้าหมูชำแหละหรือซากหมูจากต่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาหมูราคาแพง แล้วห้างแมคโครดอดไปทำสัญญาจัดซื้อจากบริษัทผู้นำเข้าเหล่านี้ได้อย่างไร แถมยังอ้างด้วยว่า บริษัทมีการกำหนดนโยบายการจัดซื้อสินค้าที่ได้คุณภาพมาตรฐาน “ถูกต้องตามกฎหมาย” และตรวจสอบย้อนกลับได้ ให้กับผู้ผลิตและคู่ค้าทุกรายยึดถือปฏิบัติ
“ใบสั่งซื้อที่ปรากฏตามข่าวนั้น เป็นการ สั่งซื้อในอดีต และผู้ขายมีเอกสารประกอบการนำเข้าที่ถูกต้องทั้งหมด ณ ขณะที่บริษัทฯ ทำการสั่งซื้อสินค้าดังกล่าว ซึ่งแม็คโครได้ตอกย้ำและตรวจสอบกับคู่ค้าทุกราย เพื่อรักษาไว้ซึ่งความอยู่รอดของเกษตรกรไทยจาก ปัญหาหมูเถื่อนที่ทำลายเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก”
ที่สำคัญห้างคงต้องตอบสังคมให้กระจ่างว่า คำสั่งซื้อเนื้อหมู และตับหมูจากบริษัทนำเข้าข้างต้นนั้น มีการดำเนินการไปมากน้อยเพียงใด และหากดำเนินการในช่วงปี 2564-2565 ดังที่ปรากฏในข่าว ก็ยิ่งต้องแจงสังคมให้กระจ่างว่า รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ได้อนุมัติให้บริษัทเอกชนนำเข้าสุกรชำแหละจากต่างประเทศเมื่อไหร่? มีมติคณะรัฐมนตรีรองรับหรือไม่อย่างไร และสัญญาสั่งซื้อก่อนหน้าที่แมคโครกระทำกับบริษัทดังกล่าว (หรือกับรายอื่น ๆ) นั้น มีมากน้อยเพียงใด
เพราะคงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำสัญญาสั่งซื้อแค่ 1-2 ล็อต หรือ 1-2 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือจัดซื้อเป็นครั้งคราวแน่ เพราะทุกฝ่ายต่างรู้แก่ใจกันบริษัทเอกชนที่จะเข้าทำสัญญาซื้อขายเป็นซัพพลายเออร์ให้กับห้างนั้น จะต้องมีซัพพลายสินค้ามากพอที่จะป้อนให้แก่ห้างตลอดทั้งปีแน่
ยิ่งไปกว่านั้น ในคำแถลงการณ์ของ “แม็คโคร” เองที่ระบุว่า ต่อมาทางห้างได้ยกเลิกคำสั่งซื้อเนื้อหมู รวมทั้งตับหมูจากบริษัทดังกล่าว หลังจากตรวจสอบพบว่า เป็นเนื้อด้อยคุณภาพ ไม่ได้มาตรฐานตามที่ทำสัญญากับห้างนั้น กรณีดังกล่าว “แมคโคร” จะชี้แจงสังคมว่าอย่างไร ในเมื่อมีหลักฐานที่ชี้ชัดว่า หมูเถื่อนที่ทะลักเข้ามาถล่มตลาดหมูในประเทศห้วงเวลาที่ผ่านมาเหล่านั้น คือ เนื้อหมู-ซากหมูที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาดที่ต่างประเทศสั่ง “ทำลาย” ทิ้ง แต่กับมีการลักลอบนำเข้ามาขายถล่มราคาในประเทศไทย
เอกสารใบรับรองคุณภาพที่บริษัทนำมาสำแดงว่า เป็นหมูคุณภาพเพียงแค่นี้จะรับประกันความปลอดภัยต่อผู้บริโภคได้หรือ หาไม่เช่นนั้นแล้ว ห้างจะยกเลิกคำสั่งซื้อทั้งหมดในภายหลังหรือ?
ทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นเหล่านี้ จนนำมาสู่การ “ล่มสลาย” ของอุตสาหกรรมหมูในประเทศ ดังปัจจุบันนั้น คณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ Pig Broad ว่าอย่างไร กรมปศุสัตว์ว่าอย่างไร ในเมื่อบริษัทออกแถลงการณ์สารภาพมาถึงขนาดนี้ ทุกอย่างจะปล่อยเลยตามเลย เพียงเพราะแถลงการณ์แค่ “กระดาษแผ่นเดียว” หรือ???
…
หมายเหตุ: อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เนตรทิพย์: Special Report
ของเถื่อนเกลื่อนเมือง... จาก “หมูเถื่อนถึงบุหรี่เถื่อน”
http://www.natethip.com/news.php?id=7544
- เนตรทิพย์: Hot Issue
"แมคโคร" ดิ้นแจงพัลวัน พัวพัน "หมูเถื่อน" รับสิ้นไส้เคยสั่งซื้อจากบริษัทอื้อฉาวจำหน่ายในห้างยักษ์
http://www.natethip.com/news.php?id=7545